เทน ฮาก ร้องแฟนบอล ช่วยแฟร์หน่อย ขอเวลาให้บรรดานักเตะเลือดใหม่ที่เขาดึงมาฉายแสงก่อนค่อยตัดสิน

เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ออกมาอ้อนวอนให้บรรดาแฟนบอล เร้ด อาร์มี่ ทั้งหลาย ใจเย็นๆ อดทนที่จะรอดูความสำเร็จของทีมก่อน โดยตัวของ ผู้จัดการทีมหัวใส ได้บอกว่าเขานั้นต้องการใช้เวลาเพื่อที่จะปลุกฟอร์มของบรรดานักเตะเลือดใหม่ที่เขานั้นได้ดึงเข้ามาร่วมทีมก่อน ซึ่งก็มีทั้ง โจซัว เซิร์กซี่ย์(Joshua Zirkzee) ,ราสมุส ฮอยลุนด์ (Rasmus Højlund) รวมไปถึง เลนี่ โยโร่ (Leny Yoro) ดาวเตะวัยรุ่นทั้งหลายนี้ ยังไม่ค่อยได้มีการเล่นด้วยกันมากนัก โดยเฉพาะ เลนี่ โยโร่ ที่ย้ายมายังไม่ทันได้โชว์ฟอร์มก็มีอาการบาดเจ็บพักยาวไปก่อนแล้ว

 

ด้วยสถานการณ์ของทีม ฟอร์มการเล่นที่ไม่มีทรง แฟนบอลปิศาจแดงต่างโวยวายใส่การทำงานของ เอริค เทน ฮาก

 

ยังคงเป็นกุนซือที่กลายเป็นเป้าโจมตีอยู่เสมอจริงๆ สำหรับ เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ด้วยฟอร์มการเล่นที่แฟนบอลปิศาจแดงเรียกกันว่า ลูปนรกของ เทน ฮาก ชนะนัดนึง เสมอสองนัด แล้ววนไปแพ้ ที่ผ่านมามันเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด อย่างในนัดล่าสุดแฟนบอลต่างบ่นกันเป็นแถวถึงฟอร์มการเล่นสุดห่วยแตก ทำได้เพียงแค่ เสมอกับ ทเวนเต้ (FC Twente Enschede) ทีมจาก ลีกดัตช์ ไป 1-1 ในการทำศึก ยูโรป้า ลีก นัดแรก กับรูปแบบใหม่ซึ่งแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) ทั้งหลายต่างไม่พอใจในผลงาน เอาจริงๆ ก็มีบ่นมาตั้งแต่นัดที่เสมอ คริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) ในศึกพรีเมียร์ลีกมาก่อนแล้ว สิ่งที่แฟนบอลไม่เข้าใจอย่างยิ่งคือการใช้งานนักเตะ รูปแบบการเล่นที่ไม่มีทรง ต่อบอลไม่มีระบบ นักเตะฟอร์มไม่ดีอย่าง มาคัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford) กลับได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ไม่ค่อยโดนดร็อป เปลี่ยนทีมมันทุกสัปดาห์ หาความคงเส้นคงวาไม่เจอ อีกเรื่องนึงที่สำคัญมากๆ ก็คือ ปัจจุบัน โอลด์ ทราฟฟอร์ด (Old Trafford) กลับไม่ได้เป็นสนามที่ทีมใดหวาดเกรงอีกต่อไป หาใช่ป้อมปราการที่จะทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) เล่นได้อย่างแข็งแกร่งไม่ เรื่องนี้ถูกตั้งคำถามอย่างชัดเจน เพราะหากย้อนไปในยุครุ่งเรือง สมัย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) ทำทีม แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) อยู่นั้น การเล่นใน โอลด์ ทราฟฟอร์ด (Old Trafford) แทบจะการันตีชัยชนะได้โดยตลอด แต่พอมาในปัจจุบันยิ่งในยุคของ เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ฉายา โอลด์ ทราฟฟอร์ด รีสอร์ท แอนด์ สปาร์ กลับกลายเป็นเรื่องปกติที่ถูกบรัฟกันในหมูทแฟนบอลไปเสียแล้ว ยิ่งในช่วงนี้ไม่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) จะแข่งกับทีมไหน ลอดเช็คราคาที่ลิงก์ beer555 ได้เลยว่ามักจะเป็นต่อไม่มาก บางทีที่ดูจาก beer555 แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นรองเสียด้วยซ้ำ ไม่ค่อยทำให้แฟนบอลรวมไปถึงนักลงทุนมีความสุขเท่าไหร่นัก สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United)

 

ซีอีโอ ปิศาจแดง ตั้งเป้าหมายยิ่งใหญ่ พา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกให้ได้ทัน ปี 2028 ฉลองครบรอบ 150 ปีในการก่อตั้งสโมสร

 

จากเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นมันก็มาสอดคล้องกับเป้าหมายสุดยิ่งใหญ่ที่ทาง ผู้บริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) ตั้งเป้าไว้ก็คือการพา แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ในปี 2028 ซึ่งจะเป็นปีครบรอบ 150 ปี การก่อตั้งสโมสรพอดิบพอดี รายงานจาก ดิ แอธเลติก กล่าวว่า ทาง โอมาร์ เบร์ราด้า (Omar Berrada) ซีอีโอ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) ได้ออกมาแจ้งเป้าหมายให้ทางทีมงานของ เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ทราบแล้วว่า ทางบอร์ด มีโปรเจ็คที่ยิ่งใหญ่ ชื่อ โปรเจ็ค 150 ซึ่งมันมีความหมายต่อการเข้าสู่ปีที่ครบรอบ 150 ปีของสโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) หลังจากที่เริ่มก่อตั้งสโมสรครั้งแรกในปี 1878 โดยในตอนนั้นใช้ชื่อว่า นิวตัน ฮีธ เป้าหมายสำคัญหลักๆ ของ โปรเจ็ค 150 ก็คือการพา แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) พุ่งสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายหลักที่ต้องทำให้ได้คือ การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ให้สำเร็จในปี 2028 เรื่องนี้จึงถูกแฟนบอลตั้งคำถามเป็นอย่างมากว่า หากจะทำให้สำเร็จ โดยใช้กุนซือ ที่ชื่อ เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) มันจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะหากดูจากวิธีการเล่นตอนนี้แล้ว ยังถือได้ว่าห่างไกลกับบรรดาทีมลุ้นแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ (Manchester City) ,อาร์เซน่อล (Arsenal)  หรือแม้กระทั่ง ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่เปลี่ยนโค้ชใหม่แต่ได้วิธีการเล่นที่แน่นอนแล้ว ผิดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) อย่างสิ้นเชิง แฟนบอล ปิศาจแดงทุกวันนี้ก็ทำได้แค่ถอนหายใจเพียงเท่านั้น

ควันหลงเกมพ่ายปืน อันเก้ ยั่งมั่น พาไก่ล้างอาถรรพ์ คว้าถ้วยรางวัลได้แน่ปีนี้ หลังเจ้าตัวมีสถิติ คุมทีมปีที่ 2 ต้องมีแชมป์

อันเก้ ปอสเตโคกลู  (Ange Postecoglou) กุนซือใหญ่ของทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) ได้ออกมาพูดถึงทีมของเขาหลังเกมที่พ่ายแพ้คาบ้านต่อ อริร่วมเมือง อย่าง อาร์เซน่อล (Arsenal) ไป 0-1 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาว่า เขายังคงเชื่อเสมอที่ผ่านมา เมื่อเข้าปีที่ 2 ของเขา เขาจะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ และนี่คือสิ่งที่มันขาดหายไปจากสโมสรแห่งนานมากแล้ว ดังนั้นแน่นอนว่า เขานั้นตั้งใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะต้องคว้าแชมป์มาล้างอาถรรพ์นี้ให้ได้ เพราะถ้วยสุดท้ายที่ทีม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส (Tottenham Hotspur) ได้ลิ้มรสก็คือ ถ้วย ลีก คัพ เมื่อปี 2008 โน่นเลย หากใครจำกันได้ ชุดนั้นมีนักเตะดังๆ มากมาย ที่โดดเด่นสุดๆ ก็คือ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (Dimitar Berbatov) ที่ต่อมาเขาก็ย้ายมาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคว้าแชมป์ได้อีกมากมาย

 

แม้จะพ่ายแพ้ ไป 2 นัดติด แล้วสำหรับ สเปอร์ ภายใต้การกุมบังเหียนของโค้ช อันเก้ แต่เจ้าตัวยังคงเชื่อว่าจากนี้ลูกทีมของเขาจะกลับมาได้ และจะมีถ้วยรางวัลมามอบให้แฟนๆ แน่นอน

 

สำหรับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) ภายใต้การคุมทีมของ อันเก้ ปอสเตโคกลู (Ange Postecoglou) ออกสตาร์ทพรีเมียร์ลีกได้ไม่ดีเอาเสียเลย การเก็บได้เพียง 4 คะแนน จากการแข่งขัน 4 นัด ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าผิดหวังไม่น้อย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในเกม ลอนดอนดาร์บี้แมตช์ เมื่อคืนที่ผ่านมานั้นทีมเยือน อย่าง อาร์เซน่อล (Arsenal) ขาดตัวหลักไปเยอะมาก แดนกลางก็ไม่ใช่ตัวหลักที่เคยเล่นด้วยกัน ซักเท่าไหร่ แต่ทว่าทีม ไก่เดือยทองกลับพลาดท่าโดนทีเด็ดของ กาเบรียล มากัลเญซ (Gabriel Magalhães) โหม่งพังประตูชัย เอาชนะได้ 1-0 สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลทีมไก่เดือยทองที่เข้ากันมาเต็มสนาม จากราคาใน sbobet live จะเห็นได้ว่าทางไม่ได้มีทีมใดเป็นต่อกันเลย ราคาออกมาเสมอ แถมเล่นไปเล่นมา สเปอร์ กลับดูดีกว่าจนบางช่วงราคาเอนไปทาง สเปอร์ ด้วยซ้ำใน sbobet live เกมนี้คนที่ฟอร์มยอดเยี่ยมช่วยทีมได้มากมายก็คือ ดาวิด ราย่า (David Raya) ผู้รักษาประตูของ อาร์เซน่อล ที่เซฟเป็นระวิง ไม่ให้ทีมไก่เดือยทอง ทำประตูได้เลยหากไม่มี ดาวิด ราย่า (David Raya) อาร์เซน่อล อาจจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ก็เป็นได้ หลังเกมทางโค้ช อันเก้ ก็มีพูดถึง ดาวยิงตัวใหม่ อย่างโดเมนิค โซลันกี้ (Dom Solanke) ที่ทีมไปดึงตัวมาจาก บอร์นมัธ ด้วยว่า เขาเพิ่งหายเจ็บห่างหายจากเกมไปนานนับเดือน เกมนี้ทาง โดเมนิค โซลันกี้ (Dom Solanke) มีจังหวะช่วยทีมได้มากมายแต่แค่ยังไม่คมในจังหวะทำประตูเท่านั้น ส่วนเรื่องการลุ้นแชมป์ ทาง อันเก้ ก็เชื่อมั่นอย่างที่เขาเคยทำมันมาได้ตลอดว่า เข้าปีที่ 2 ในการคุมทีมเขามักจะคว้าถ้วยรางวัลมาได้เสมอ และตอนนี้เขาก็เชื่อเช่นนั้น

 

ย้อนดูทีมที่คว้าแชมป์ ลีก คัพ เมื่อปี 2008 ถ้วยล่าสุดที่ ทาง สเปอร์ คว้ามาได้ ว่าตอนนั้นมีใครกันบ้างและคุณยังจำพวกเขาได้หรือไม่

 

นักเตะในชุดที่คว้าแชมป์ ลีก คัพ ในยุคปี 2008 ของ สเปอร์ ต้องถือว่าน่าจะเป็นนักเตะชุดที่ดีที่สุดแล้วในช่วงนั้น ดาวเตะเด่นๆ ดังๆ มากมายที่อยู่ในทีมนี้ไล่เรียงกันไป เชื่อว่าน่าจะรู้จักกันทุกคน ผู้รักษาประตู พอล โรบินสัน (Paul Robinson) เคยก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษได้ด้วยระยะนึง กองหลังนี่เอาที่ดังๆ ก็ โจนาธาน วู้ดเกต (Jonathan Woodgate) ที่ค้าแข้งกับทีมดังๆ มากมาย ถึงขั้นย้ายไปร่วมทีม รีล มาดริด  (Real Madrid) เลยด้วยซ้ำ อีกคน ก็คือ เลดลี่ย์ คิง (Ledley King) ที่ถือเป็นปราการหลังจอมแกร่งในช่วงนั้น แกเร็ธ เบล (Gareth Bale)  อีกคนที่อยู่ในชุดนี้ ตอนนั้นเขาเล่นในตำแหน่ง แบ็คซ้าย ถือเป็นช่วงที่ฟอร์มกำลังพีคก่อนจะย้ายไป รีล มาดริด  (Real Madrid) กองกลางก็มีทั้ง เจอร์เมน จีนาส (Jermaine Jenas) ,อารอน เลนน่อน (Aaron Lennon) เกมรุกที่ไม่ต้องห่วง มีทั้ง ดาเรน เบนท์ (Darren Bent ,เจอร์เมน เดโฟ (Jermain Defoe) ,ร็อบบี้ คีน (Robbie Keane)รวมไปถึง กองหน้าตัวเก่งอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (Dimitar Berbatov) ดาวยิงที่เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างมากมายในช่วงเวลานั้น

ก่อนมาเป็น พอช เผย สหรัฐฯ พยายามคุย เจอร์เก้น คล็อปป์ หลายต่อหลายครั้งแต่โดนปฏิเสธทั้งหมด

เผยเบื้องหลังการมาคุมทีมชาติ สหรัฐอเมริกา ของ เมาริซิโอ ปอร์เช็ตติโน่ (Mauricio Pochettino) ก่อนหน้านั้นมีการพยายามทาบทาม เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) หลายต่อหลายครั้งแต่สุดท้าย คล็อปป์ ก็ยืนยันคำเดิมปฏิเสธหน้าหงายกลับมาทุกครั้ง นอกจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) ก็ยังมีลิสต์ รายชื่อ ผู้จัดการทีมคนดังอีกหลายๆ คนที่ทาง สหรัฐอเมริกา นั้นสนใจ จนสุดท้ายก็ได้บทสรุปเป็น เมาริซิโอ ปอร์เช็ตติโน่ (Mauricio Pochettino) ในที่สุด

 

จุดยืนชัดเจน คล็อปป์ ปัดข้อเสนอคุมทีมชาติ สหรัฐอเมริกา แม้จะโดนตามตื้อหลายครั้ง ก่อนที่จะไปจบที่ พอช 

 

เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) ถือเป็นหนึ่งกุนซือฝีมือดีการันตีคุณภาพที่ยังคงว่างงานอยู่ในเวลานี้ แต่ที่ว่างงานนั่นก็เพราะว่าตัวเขานั้นยังคงอยากพักผ่อนกับครอบครัวให้เต็มที่ หลังจากตรากตรำทำงานหนักในทุกช่วงเวลาที่เขาได้คุมทีม ลิเวอร์พูล (Liverpool) มาอย่างยาวนานร่วมๆ 9 ปี แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีภาพเขาไปรับงานคุมเกมเทสติโมเนียล แมตช์ ของ ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค ( Łukasz Piszczek) และ ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ (Jakub Błaszczykowski) อดีตลูกทีมของเขา มาหมาดๆ แต่ก็เป็นการคุมทีมที่ไม่ได้ใช้แท็คติกอะไรมากนัก แค่เป็นการไปปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าแฟนบอล เสือเหลือง ซึ่งทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp เองได้กล่าวว่า ตัวเขานั้นมีลูกรักอยู่สามคนด้วยกันนั่นก็คือ ไมนซ์05 (Mainz 05) ,โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) และ ลิเวอร์พูล (Liverpool) เค้าอาจจะคิดถึงการคุมทีมอยู่บ้าง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ สำหรับตอนนี้เขาพอใจกับการพักผ่อนการได้ไปสนุกในที่ต่างๆ และยังไม่คิดถึงการรับงานใดๆ ทั้งสิ้น และก็สอดคล้องกับที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ทางทีมชาติ สหรัฐอเมริกา นั้นเคยพยายามอย่างมากที่จะยื่นข้อเสนอให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) และโน้มน้าวให้รับงานคุมทีมชาติ สหรัฐอเมริกา สู้ศึกฟุตบอลโลก 2026 แต่ก็ถูกปฏิเสธมาทุกครั้งไป จนในที่สุดก็ไปจบลงที่การได้ เมาริซิโอ ปอร์เช็ตติโน่ (Mauricio Pochettino) กุนซือมากฝีมืออีกคนที่มารับงานนี้ไปแทน สำหรับใครที่สนใจ วิธีแทงบอลออนไลน์ ช่วงนี้กำลังเปิดฤดูกาลก็สามารเข้าไปดูที่เว็บต่างๆ ได้เลยมีให้ได้ลองกันหลายๆ เว็บดูบอลไปด้วย ได้ลุ้นไปด้วยสนุกกว่านั่งดูเฉยๆ แน่นอน ใครที่ไม่เป็นเลยก็สามารถเข้าไปศึกษา วิธีแทงบอลออนไลน์ ดูได้ไม่ยากเกินไปแน่นอน เดี๋ยวนี้รู้ วิธีแทงบอลออนไลน์ ไว้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสนุกในการดูบอลเช่นกัน 

 

ตามรายงานระบุว่า แน่นอนว่า คล็อปป์ นั้นเป็นเป้าหมายหลักของ อเมริกา แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่ทาง สหรัฐอเมริกา เล็งไว้เช่นกัน

 

แม้ในตอนนี้จะได้บทสรุปเรื่องกุนซือทีมชาติสหรัฐอเมริกา ไปเรียบร้อยแล้วว่าเป็น เมาริซิโอ ปอร์เช็ตติโน่ (Mauricio Pochettino) แต่ทว่าก่อนหน้านี้ แน่นอนเป้าหมายหลักคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) แต่ทาง ดิ แอธเลติก (The Athletic) ก็มีรายงานต่อไปอีกว่า ไม่ใช่เพียงแค่ เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) เท่านั้นยังมีลิสต์รายชื่อ ของกุนซือมากฝีมืออีกหลายคนที่เป็นเป้าหมายของ สหรัฐอเมริกา โดยที่เปิดเผยมาก็มีทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) ,โธมัส แฟรงค์ (Thomas Frank),แกเร็ธ เซาธ์เกต (Gareth Southgate) รวมไปถึง แกรห์ม พ็อตเตอร์ (Graham Potter) อดีตกุนซือ เชลซี อีกคนที่เป็นเป้าหมาย ก่อนที่ท้ายที่สุดจะมาเป็น เมาริซิโอ ปอร์เช็ตติโน่ (Mauricio Pochettino) ที่มารับงานนี้ไปในที่สุด สำหรับ สหรัฐอเมริกา ที่เป็นหนึ่งในเจ้าภาพร่วมในฟุตบอลโลกปี 2026 ที่จะถึงนี้นั้น ก่อนหน้านี้เคยเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกมาแล้ว 1 ครั้ง ในปี 1994 เชื่อว่าหลายๆ คนที่เป็นแฟนบอลในช่วงยุคนั้นน่าจะจำกันได้ ปีนั้น บราซิล เป็นแชมป์โลก นี่เป็นอีกครั้งที่ฟุตบอลโลก จะได้จัดขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือ ภายใต้การเป็นเจ้าภาพร่วมกันของ อเมริกา,เม็กซิโก และ แคนาดา มารอดูกันว่ามันจะออกมาดีขนาดไหน เพราะทั้งสามชาติถือเป็น  ชาติที่เคยมีประสบการณ์ ในฟุตบอลโลกมาแล้วทั้งสิ้น ในช่วงนี้ก็ยังคงอยู่ในช่วงที่ทุกๆ ชาตินั้นกำลังขับเคี่ยวกันในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 อยู่ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่กี่เดือนก็พอจะได้รู้กันแล้วว่า ทีมใดบ้างจะได้เข้าร่วมในฟุตบอลโลก 2026 เชื่อว่าแฟนบอลทั้งหลายคงจะตื่นเต้นและรอคอยที่จะได้รับชมมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้อีกครั้ง

น้ำตาซึมเมื่อ สเปอร์ส ไล่ วิลลา-โบอาส-วอล์คเกอร์

ไคล์ วอล์คเกอร์ (Kyle Walker) กล่าวว่า อังเดร วิลลาส-โบอาส (Andre Villas-Boas) อดีตผู้จัดการทีม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) “เริ่มร้องไห้ต่อหน้าเรา” เมื่อเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยประธานสโมสร แดเนียล เลวี (Daniel Levy) ในเดือนธันวาคม 2013

กองหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ที่เคยอยู่กับ สเปอร์ส (Spurs) เป็นเวลา 8 ปี ระหว่างปี 2009-2017 อธิบายว่าอดีตผู้จัดการทีมของเขาเป็นคนที่ “ดีมาก ๆ” ในตอนล่าสุดของพอดคาสต์ “You’ll Never Beat Kyle Walker”

วอล์คเกอร์ (Walker) กล่าวว่าเขาจะ “ไม่มีวันลืม” ช่วงเวลาที่ วิลลาส-โบอาส (Villas-Boas) พูดกับทีม ท็อตแนม (Tottenham) หลังจากที่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยเผยว่ามีสมาชิกในทีมบางคนก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน

“น้ำตาไหลอาบแก้มของผม… ไมเคิล ดอว์สัน (Michael Dawson) ก็น้ำตาคลอ” วอล์คเกอร์ (Walker) วัย 34 ปีกล่าว “นั่นคือความสำคัญที่เขามีต่อพวกเรา”

วิลลาส-โบอาส (Villas-Boas) ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส เข้ารับตำแหน่ง สเปอร์ส (Spurs) ในเดือนกรกฎาคม 2012 และเกือบจะพาสโมสรไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (UEFA Champions League) ในฤดูกาลแรกของเขา – จบที่อันดับห้าด้วยคะแนนตามหลัง อาร์เซนอล (Arsenal) เพียงหนึ่งคะแนนใน พรีเมียร์ลีก (Premier League)

ทีม สเปอร์ส (Spurs) ในปีนั้นรวมถึงนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ในฤดูกาล 2012-2013 แกเร็ธ เบล (Gareth Bale)

ดาวเตะทีมชาติ เวลส์ (Wales) ย้ายไป เรอัล มาดริด (Real Madrid) ด้วยค่าตัวสูงสุดเป็นสถิติโลกในตอนนั้นที่ 85.3 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 และแม้จะนำเงินนั้นไปลงทุนในทีม แต่ทีมก็ประสบปัญหาในฤดูกาลถัดมา

หลังจากผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ รวมถึงการพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล (Liverpool) 5-0 ในเดือนธันวาคม 2013 วิลลาส-โบอาส (Villas-Boas) ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

วอล์คเกอร์ (Walker) กล่าวว่าเขาเสียใจที่ทีมไม่สามารถทำผลงานได้ดีพอที่จะรักษาตำแหน่งของผู้จัดการทีมไว้ได้ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด แทงบอล ออนไลน์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

“การสูญเสีย เบล (Bale) เป็นเรื่องใหญ่” เขากล่าว “พวกเขานำเงินจากการขาย เบล (Bale) ไปเซ็นสัญญากับผู้เล่นใหม่ถึงเจ็ดคน มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในทีม แต่พวกเรากลับไม่สามารถปรับตัวเข้าขากันได้อย่างรวดเร็วพอที่จะสนับสนุนให้ วิลลาส-โบอาส (Villas-Boas) ทำผลงานได้ดี”

แม้ว่าทีม “ไม่ทำให้เขาได้รับความยุติธรรม” แต่ วอล์คเกอร์ (Walker) กล่าวถึงอดีตผู้จัดการทีมของเขาว่า “สำหรับผู้เล่น 10 หรือ 12 คนที่ร้องไห้เพราะผู้จัดการทีมจากไป แสดงว่าเขาได้ทำอะไรที่ดีในห้องแต่งตัว”

ไคล์ วอล์คเกอร์ (Kyle Walker) ยังได้พูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน (Mauricio Pochettino) อดีตผู้จัดการทีม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) ในพอดคาสต์

เขาเป็นกำลังหลักของ ท็อตแนม (Tottenham) มาโดยตลอด แต่ในฤดูกาลสุดท้ายของเขา เขาต้องเผชิญกับการแข่งขันในตำแหน่งแบ็คขวาจาก เคียแรน ทริปเปียร์ (Kieran Trippier) เพื่อนร่วมทีมชาติ อังกฤษ (England)

เขากล่าวว่าเขามี “ความเคารพอย่างสูงสุด” ต่อตัว ทริปเปียร์ (Trippier) แต่รู้สึกว่าเป็น “เรื่องที่ค่อนข้างต่ำต้อย” เมื่อ โปเช็ตติโน (Pochettino) เลือกให้กองหลังที่เคยเล่นให้ เบิร์นลีย์ (Burnley) ลงเป็นตัวจริงแทนเขาในเกมสุดท้ายของ สเปอร์ส (Spurs) ที่สนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน (White Hart Lane) – เกมที่ชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ในเดือนพฤษภาคม 2017

“เขา [โปเช็ตติโน (Pochettino)] ส่งผมลงเล่นตอนประมาณนาทีที่ 84 หรืออะไรแบบนั้น” วอล์คเกอร์ (Walker) กล่าว “นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดจริงๆ”

“ผมรู้สึกว่าผมอยู่ที่นี่มานานมาก สนามนั้นมีความหมายกับผมมาก”

วอล์คเกอร์ (Walker) กล่าวว่า โปเช็ตติโน (Pochettino) ให้อนุญาตเขาออกจากสโมสรในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 หลังจากบอกว่าเขาจะเลือก ทริปเปียร์ (Trippier) เป็นแบ็คขวาตัวจริง

อย่างไรก็ตาม วอล์คเกอร์ (Walker) วัย 34 ปีกล่าวว่าเขา “ไม่มีคำพูดร้ายๆ” เกี่ยวกับอดีตโค้ชของเขา และว่า “ผมขอบคุณเขา และเมื่อใดก็ตามที่ผมเจอเขา ผมจะให้กอดและโอบกอด และก็จบแค่นั้น”

ด้านที่โกรธเกรี้ยวของ ฮอดจ์สัน (Hodgson) ในพอดคาสต์ วอล์คเกอร์ (Walker) ได้เปิดเผยว่าใครคือผู้จัดการทีมที่ดุที่สุดในช่วงอาชีพของเขา

เขากล่าวว่า รอย ฮอดจ์สัน (Roy Hodgson) อดีตผู้จัดการทีมชาติ อังกฤษ (England) โดยทั่วไปแล้วเป็นคนที่ “เป็นทางการและสุภาพมาก” แต่เมื่อเขา “อารมณ์เสีย สิ่งอื่นก็จะออกมา”

เขาจำได้ครั้งหนึ่งที่ ฮอดจ์สัน (Hodgson) วัย 77 ปี เก็บทีมไว้ “ประมาณครึ่งชั่วโมง” หลังจากทำผลงานแย่ที่ เวมบลีย์ (Wembley) “เพื่อดุด่าพวกเรา”

วอล์คเกอร์ (Walker) ยังได้พูดถึงอดีตผู้จัดการทีม ท็อตแนม (Tottenham) โปเช็ตติโน (Pochettino) โดยกล่าวว่า “ถ้าผมต้องบอกว่ามีใครที่อารมณ์เสีย ผมคงจะบอกว่าเขา เพียงเพราะความหลงใหลในเกมของเขา”

“เขาค่อนข้างใจเย็น แต่เมื่อเขาอารมณ์เสีย เขาก็จะระเบิดได้” เขากล่าวเสริม

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ สเปอร์ส (Spurs) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด แทงบอล ออนไลน์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

เซาแธมป์ตันตกลงค่าตัวกับอาร์เซนอลเพื่อคว้าตัวนายทวารทีมชาติอังกฤษ

เซาแธมป์ตัน (Southampton) ได้บรรลุข้อตกลงกับอาร์เซนอลในการซื้อตัวผู้รักษาประตู แอรอน แรมส์เดล (Aaron Ramsdale) แบบถาวร โดยมีรายละเอียดดังนี้

รายละเอียดการย้ายทีม

ตามข้อมูลที่ได้รับ ค่าตัวคงที่สำหรับ แรมส์เดล อยู่ที่ 18 ล้านปอนด์ และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านปอนด์หากบรรลุเงื่อนไขผลงานที่กำหนดไว้ การเจรจายังคงดำเนินต่อไปเพื่อตกลงในรายละเอียดอื่นๆ ของสัญญา แต่ดูเหมือนว่าทุกฝ่ายจะมีความหวังว่าการย้ายทีมจะเสร็จสมบูรณ์
แรมส์เดล ซึ่งมีสัญญากับ อาร์เซนอล จนถึงปี 2026 ได้รับแจ้งว่าเขาสามารถย้ายออกจากสโมสรได้หากมีข้อเสนอที่เหมาะสม นายทวารทีมชาติอังกฤษรายนี้สูญเสียตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมปืนใหญ่ให้กับ ดาบิด รายา (David Raya) ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การคาดการณ์ว่าเขาจะย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้

ความเคลื่อนไหวของเซาแธมป์ตัน

ก่อนหน้านี้ เซาแธมป์ตัน ดูเหมือนจะเซ็นสัญญากับ จัสติน บิจโลว์ (Justin Bijlow) จากเฟเยนูร์ด (Feyenoord) เมื่อต้นสัปดาห์ แต่ตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงในขั้นตอนการตรวจร่างกายเมื่อวันอังคาร การตัดสินใจนี้อาจเป็นผลมาจากโอกาสในการคว้าตัว แรมส์เดล

สถานการณ์ผู้รักษาประตูของเซาแธมป์ตัน

ผู้รักษาประตูคนปัจจุบันของ เซาแธมป์ตัน อเล็กซ์ แมคคาร์ธี (Alex McCarthy) ทำผิดพลาดในเกมเปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก ซึ่งส่งผลให้ นิวคาสเซิล (Newcastle) ยิงประตูชัยได้ เหตุการณ์นี้อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทีมต้องการเสริมความแข็งแกร่งในตำแหน่งผู้รักษาประตู

ความเคลื่อนไหวของอาร์เซนอล

ในขณะเดียวกัน อาร์เซนอล ก็มีแผนรองรับการจากไปของ แรมส์เดล โดยมีรายละเอียดของข้อตกลงส่วนใหญ่พร้อมแล้วสำหรับการเซ็นสัญญากับ โฆอาน การ์เซีย (Joan Garcia) ผู้รักษาประตูจาก เอสปันญอล (Espanyol) เพื่อเป็นตัวแทน และเชื่อว่าพวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะปิดดีลนี้

กำหนดการปิดตลาดซื้อขายนักเตะ

ตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนปี 2024 จะปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 สิงหาคม เวลา 23.00 น. ตามเวลาสหราชอาณาจักรสำหรับ พรีเมียร์ลีก และ 23.30 น. สำหรับสกอตแลนด์
พรีเมียร์ลีกได้เลื่อนวัน Deadline Day ให้สอดคล้องกับลีกใหญ่อื่นๆ ในยุโรป วันปิดตลาดซื้อขายนี้ถูกกำหนดขึ้นหลังจากการหารือร่วมกันระหว่างลีกในอังกฤษ เยอรมนี อิตาลี สเปน และฝรั่งเศส

ผลกระทบต่อทั้งสองทีม

การย้ายทีมครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทั้ง เซาแธมป์ตัน และ อาร์เซนอล สำหรับ เซาแธมป์ตัน การได้ผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก และทีมชาติอย่าง แรมส์เดล จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของทีม และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการพาทีมกลับสู่ พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง
ในส่วนของ อาร์เซนอล การปล่อยตัว แรมส์เดล ออกไปอาจเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นโอกาสที่จะได้เงินทุนมาเสริมทัพในตำแหน่งอื่นๆ นอกจากนี้ การเซ็นสัญญากับ การ์เซีย จะช่วยรักษาความลึกของทีมในตำแหน่งผู้รักษาประตู

สรุป

ในการย้ายทีมของ แอรอน แรมส์เดล จากอาร์เซนอลไปยัง เซาแธมป์ตัน นี้ อาจมีผลต่อการคาดการณ์และการเดิมพันในอนาคต ซึ่งแฟนบอลและนักพนันอาจติดตามความเคลื่อนไหวผ่านการวิเคราะห์ ผลบอล sbobet อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ การที่เซาแธมป์ตันเสริมทัพด้วยผู้รักษาประตูใหม่ที่มีประสบการณ์สูง จะทำให้ทีมมีความมั่นคงมากขึ้นในฤดูกาลหน้า และเป็นที่น่าสนใจว่า ผลบอล sbobet จะคาดการณ์ผลงานของทีมอย่างไรในเกมที่จะมาถึง
แฟนบอลสามารถใช้ข้อมูลจาก ผลบอล sbobet เพื่อติดตามและวิเคราะห์ฟอร์มของทีม เซาแธมป์ตัน และ อาร์เซนอล โดยเฉพาะหลังการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้รักษาประตูที่อาจส่งผลต่อผลการแข่งขันในอนาคต

ฟอเรสต์คว้าตัวโมเรโน่ แบ็คซ้ายจากวิลล่า มาร่วมทีมแบบยืมตัว

ฟอเรสต์คว้าตัวโมเรโน่ แบ็คซ้ายจากวิลล่า มาร่วมทีมแบบยืมตัว

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ประสบความสำเร็จในการเสริมทัพด้วยการคว้าตัว อเล็กซ์ โมเรโน่ (Alex Moreno) แบ็คซ้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล พร้อมเงื่อนไขในการซื้อขาดถาวร การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของ ฟอเรสต์ อย่างมีนัยสำคัญ

กองหลังชาว สเปน วัย 31 ปี ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกแรกของ วิลล่า ได้ตกไปอยู่ในอันดับรองจากผู้เล่นใหม่อย่าง เอียน มาตเซน (Ian Maatsen) และ ลูคัส ดีญเญ่ (Lucas Digne) ในการจัดลำดับตัวจริงที่ วิลล่า ปาร์ค ทำให้เขาต้องมองหาโอกาสในการลงสนามที่มากขึ้นกับทีมอื่น

โมเรโน่ (Moreno) ย้ายมาร่วมทีม วิลล่า จาก เรอัล เบติส ใน ลาลีกา เมื่อเดือนมกราคม 2023 ด้วยค่าตัว 13.2 ล้านปอนด์ และเป็นนักเตะคนแรกที่ อูไน เอเมรี่ (Unai Emery) ดึงมาร่วมทีมหลังจากเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม วิลล่า น่าสนใจที่ว่า ก่อนหน้านี้ โมเรโน่ (Moreno) เคยมีข่าวเชื่อมโยงกับ ฟอเรสต์ มาก่อน แต่ท้ายที่สุดเขาเลือกย้ายไปอยู่กับ วิลล่า

ในฤดูกาลที่ผ่านมา โมเรโน่ (Moreno) ได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก 21 นัด และมีส่วนสำคัญในการพา วิลล่า จบอันดับที่ 4 ของตาราง ซึ่งทำให้ทีมได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันใน แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ผลงานของเขาในฤดูกาลที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพและประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ ฟอเรสต์ ในการต่อสู้เพื่อรักษาอันดับใน พรีเมียร์ลีก และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด โปรโมชั่น แทงบอล สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

รอสส์ วิลสัน (Ross Wilson) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายฟุตบอลของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แสดงความยินดีกับการเซ็นสัญญาครั้งนี้ โดยกล่าวว่า “อเล็กซ์ (Alex) เป็นนักเตะที่เราสนใจมานานแล้ว ดังนั้นเราทุกคนจึงมีความสุขมากที่ได้เห็นเขามาถึง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เขามีประสบการณ์มากมายทั้งใน ลาลีกา และ พรีเมียร์ลีก และเขาจะนำคุณภาพและประสบการณ์ทั้งหมดนั้นมาสู่ทีมของเราในตอนนี้”

การย้ายทีมของ โมเรโน่ (Moreno) มาสู่ ซิตี้ กราวด์ ไม่เพียงแต่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับของ ฟอเรสต์ เท่านั้น แต่ยังเพิ่มตัวเลือกที่มีประสบการณ์ให้กับผู้จัดการทีม นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต (Nuno Espírito Santo) ในการวางแผนทางยุทธวิธีสำหรับเกมที่สำคัญๆ ที่จะมาถึงในช่วงที่เหลือของฤดูกาล

ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่ากองหลัง โจ วอร์รัลล์ (Joe Worrall) ดูเหมือนจะกำลังจะออกจาก ฟอเรสต์ โดยมีทีม เบิร์นลีย์ จาก แชมเปี้ยนชิพ กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาขั้นสูงเพื่อคว้าตัวนักเตะวัย 27 ปีรายนี้ การย้ายออกของ วอร์รัลล์ (Worrall) อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างทีมของ ฟอเรสต์ เพื่อสร้างพื้นที่และงบประมาณสำหรับการเสริมทัพเพิ่มเติมในอนาคต

การเสริมทัพด้วย โมเรโน่ (Moreno) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมเพื่อต่อสู้ในการรักษาสถานะใน พรีเมียร์ลีก ประสบการณ์ของเขาทั้งใน สเปน และ อังกฤษ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับมือกับความกดดันในช่วงท้ายฤดูกาล

นอกจากนี้ การย้ายทีมครั้งนี้ยังอาจเป็นโอกาสสำหรับ โมเรโน่ (Moreno) ในการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งใน พรีเมียร์ลีก และอาจนำไปสู่การย้ายทีมแบบถาวรหากเขาสามารถแสดงฟอร์มที่ยอดเยี่ยมให้กับ ฟอเรสต์ ได้

แฟนบอล น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คงจะตื่นเต้นที่จะได้เห็น โมเรโน่ (Moreno) ลงสนามในชุดของทีม และหวังว่าเขาจะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผลงานของทีมได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทีมพยายามที่จะปรับปรุงตำแหน่งของพวกเขาในตาราง พรีเมียร์ลีก
วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด โปรโมชั่น แทงบอล สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

ป้ายต่อไปของ โรนัลโด้

ป้ายต่อไปของ โรนัลโด้

ถือว่าเป็นข่าวที่ค่อนข้างมีมูลความจริงเลยทีเดียว สำหรับยูเวนตุสหลังจากตกรอบ UCL ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็กำลังจะมีข่าวว่าอาจจะต้องเลหลังนักเตะบางคนออกไปเพื่อระบายค่าเหนื่อย ทีมได้รับผลกระทบด้านการเงินจากวิกฤติโควิท โรนัลโด้ ก็เลยอาจจะเป็นคนหนึ่งที่โดนขายออกไปเพื่อลดภาระค่าเหนื่อย ว่าแต่หากโรนัลโด้ ย้ายจริง เค้าจะไปไหนได้บ้าง

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

หากจะต้องย้ายทีมกันจริง ทีมเดียวในโลกใบนี้ที่เรามองว่าสามารถสนับสนุนความต้องการของโรนัลโด้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็น เงินค่าเหนื่อย, การเล่นฟุตบอล, และวิถีชีวิตนอกสนามที่ไม่ลำบากจนเกินไป ก็คงต้องเป็น ปารีส เท่านั้น เรื่องเงินไม่ยาก มีเยอะ เรื่องฟุตบอลเราจะได้เห็นการประสานงานของ โรนัลโด้, เนย์มาร์, เอ็มปับเป้, อิคาร์ดี้ แค่คิดก็สยองแทนฝ่ายตรงข้ามแล้ว ชีวิตที่ย้ายจากอิตาลี มาฝรั่งเศส มันก็คงไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

หากจะกลับเกาะอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงเป็นจุดหมายเดียวที่โด้ จะได้กลับมา เรื่องค่าเหนื่อยเราว่าพอสู้ไหว (แต่อาจจะไม่เท่าที่เค้าต้องการ) แต่ว่าเรื่องฟุตบอลนี่พูดยาก เพราะว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นทีมที่มีองค์ประกอบพร้อมสักเท่าไรนัก การมาของโด้ หากหวังจะได้แชมป์อาจจะต้องลุ้นกันเหนื่อยโดยเฉพาะ UCL ที่แมนยูตอนนี้ยังห่างไกลทีมระดับท็อปของยุโรปเยอะเลย แม้ทุกคนจะมองว่า เค้าคือฮีโร่ในตำนานแต่คงไม่มีใครอยากให้ตำนานมาเสียชื่ออีกรอบที่นี่อย่างแน่นอน

อินเตอร์ ไมอามี่

เป้าหมายสุดท้ายที่หลายคนมองว่าไม่น่าจริง แต่ว่าความจริงก็พอมีโอกาสอยู่บ้างก็คือ อินเตอร์ ไมอามี่ของ เดวิด เบ็คแฮม หากโด้ย้ายไปในช่วงอายุนี้ ก็ทำให้เค้ายังสามารถเล่นฟุตบอลด้วยศักยภาพสูงสุดของตัวเองได้อย่างสบายๆ อีกทั้งยังเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับตัวเค้าเองอีกด้วย อีกทั้งเจ้าตัวยังเคยแย้มๆว่าสนใจการข้ามไปเล่นที่สหรัฐอีกต่างหาก ถ้าไปจริงน่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเมเจอร์ลีคซอคเกอร์ได้อีกเยอะเลย บวกกับการใช้ชีวิตนอกสนามของเค้าน่าจะสะดวกสบาย ปรับตัวไม่ยากเท่าไร

เจาะประเด็นความห่วยแตก แมนยู เกมแพ้ไลป์ซิก

เจาะประเด็นความห่วยแตก แมนยู เกมแพ้ไลป์ซิก

หากจะถามว่า มันห่วยแตกแค่ไหน คงตอบได้เลยว่า มาก สำหรับเกมที่แพ้ไลป์ซิก ตกรอบ UCL จากในมือตัวเองแท้ๆเลย อย่างไรก็ตามหากมองให้ดี เกมนี้มีหลายจุดที่ความห่วยแตกมาผสมกัน จนกลายเป็นผลการแข่งขันแบบนี้ ส่วนที่ยิงได้ 2 ประตูบอกตามตรงว่า ไม่ได้มาจากแท็คติอะไรเลย มาดูความห่วยแตกของเกมนี้กันหน่อย

เล่นอุดแบบรอโดน

อย่างแรกเลย ก่อนเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าได้เปรียบทางไลป์ซิก อยู่พอสมควรเนื่องจากว่าพวกเค้ามีแต้มมากว่า นั่นทำให้ขอเพียงแค่เสมอก็จะเข้ารอบต่อไปได้เลย ว่าแล้ว โซลชาร์ก็เลือกแท็คติค รับแบบไม่สวนกลับ หรือพูดภาษาบ้านเราว่า อุดแล้วรอโดน คำถามก็คือ หากกุนซือเป็น มูรินโญ่ อุดแล้วเราเชื่อว่าไม่รอโดน มีสวนกลับ หรือหากจะอุดให้สุด มันอุดเต็มเกม เสมอ 0-0 ได้แน่นอน แต่ไม่ใช่ไง มันคือ โซลชาร์ พอมาใช้วิธีนี้ ไลป์ซิก ก็นวดเพลินมันมือกันเลยทีเดียว แล้วอุดยังไง ครึ่งแรกโดน 3-0 แบบนี้เปิดหน้าสู้ดีกว่า

กองหน้า เห็นแก่ตัว

เกมนี้มองไปที่ความผิดพลาดส่วนบุคคลมีเยอะมากเลย เกมรับหลายคนเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่เกมรุกเองก็ต้องโดนตำหนิด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะสองกองหน้าอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เมสัน กรีนวู้ด ที่เข้าลูปจังหวะนรกทั้งคู่ จังหวะจ่ายพี่แกเลี้ยง ยิงติด จังหวะควรยิงก็ไปจ่ายแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย นั่นทำให้จังหวะที่เค้าควรจะได้ประตู หรือทำอะไรมากกว่านี้ กลายเป็นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับทีมเลย น่าเสียดายมาก

เปลี่ยนตัวแบบงงกันทั้งโลก

แต่อีกหนึ่งความห่วยแตก ที่เชื่อว่าแฟนบอลคงงงกันทั้งโลก ว่าพี่เค้าทำได้ไง ก็คือ การเปลี่ยนตัวของโซลชาร์ที่ทุกคนเข้าไม่ถึง ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนพักครึ่งเปลี่ยน ฟานเดอบีค ลงมาอันนี้เข้าใจได้เพราะว่าต้องการประตูคืน แต่เคสเปลี่ยน ลุค ชอว์ ออกนาทีที่ 61 แล้วแทนที่ด้วยแบรนดอน วิลเลี่ยม อันนีก็เข้าใจได้ แต่ว่าการเปลี่ยนกองหลังอีกสองคนลงไปในนาทีที่ 78 ในสถานการณ์ที่ต้องการประตู มันคืออะไร อันนี้ห่วยจริง

ภาพรวมประจำซีซั่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ภาพรวมประจำซีซั่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

รูดม่านปิดซีซั่นไปแล้วเรียบร้อยสำหรับ พรีเมียร์ลีค ในรอบซีซั่นที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าแฟนบอลปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีทั้งสุข เศร้า เหงา ซึม ตามวิถีของแฟนบอล คราวนี้เรามาดูกันว่าภาพรวมประจำซีซั่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซีซั่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง

เทพเกมเยือน + เทพคัมแบ็ค

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซีซั่นนี้หากจะนิยามอะไรสักอย่าง คงเป็นคำว่า เทพเกมเยือนอย่างแน่นอน เพราะว่าตลอดซีซั่นเกมเยือนทั้งหมด 19 เกม พวกเค้าไม่แพ้เลยสักเกมเดียว เตรียมขึ้นแท่นเป็นทีมที่เล่นเกมเยือนได้ดีที่สุดตลอดกาล หากรักษาฟอร์มเกมเยือนได้ในซีซั่นหน้าอีก 1-2 เกมเท่านั้นเอง อันนี้ต้องยอมรับว่าพวกเค้าทำได้ดี

อีกหนึ่งเรื่องที่แฟนบอลอุ่นใจมาก นั่นก็คือ เทพคัมแบ็ค ซีซั่นนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่โดนนำไปก่อนแล้วกลับมาชนะได้มากครั้งที่สุด เป็นจำนวนถึง 10 เกมที่ทำได้ ยิ่งถ้าเกมไหนเล่นเกมเยือน กับโดนนำไปก่อน แฟนบอลปีศาจแดงยิ้มรอเลยว่ายังไงก็กลับมาชนะได้แน่นอน นี่เป็นคาแรกเตอร์นักสู้ที่หายไปนานมาก อย่างไรก็ตามนี่เป็นดาบสองคมเหมือนกันว่า ทำไมต้องรอให้โดนก่อนถึงจะเล่นดีด้วย บวกกับเกมในบ้านที่แพ้แบบน่าเกลียดหลายเกม คงต้องเป็นเรื่องที่ปรับปรุงกันต่อไป เล่นในบ้านให้ดี แล้วตามไปตบนอกบ้านให้ได้เท่าเดิม แมนยูจะน่ากลัวขึ้นเยอะ

อกหักนัดชิง

อีกหนึ่งก้าวที่หลายคนอาจจะมองว่าพัฒนาขึ้น แต่หลายคนมองว่าล้มเหลว นั่นก็คือ การเข้าถึงนัดชิงยูโรป้าลีค แต่แพ้ ที่ว่าพัฒนาขึ้นน่าจะเป็นการก้าวข้ามเส้นรอบรองชนะเลิศที่ซีซั่นก่อนตกรอบทุกรายการที่แข่งรอบนี้ แต่มาปีนี้พวกเค้าแข็งแกร่งพอจะก้าวไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้แล้ว น่าจะเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตามการอกหักนัดชิงมันเป็นเรื่องที่ทำในได้ยากมาก ไม่เท่านั้นแท็คติค การเปลี่ยนเกม ประสบการณ์ในเกมนัดชิง โอเล่ น้อยมากคงต้องทำให้ดีกว่านี้

คุณภาพทีมแนวลึก

มาดูคุณภาพทีมกันบ้าง ชุดตัวหลักของทีมต้องยอมรับว่ายกระดับขึ้นมาได้ดี คาวานี่ เค้ามาเติมมิติเกมรุกแบบกองหน้าตัวเป้าจริงๆในแดนหน้า คู่กลางอย่าง บรูโน่ กับ ป็อกบา ก็ทำเกมได้ดี หรือจะเป็นเฟร็ด กับแม็คทอม ที่ลงคู่ หรือสลับกันลงก็ได้ กองหลังก็ไว้ใจได้ ยกเว้นเซนเตอร์แบ็คคู่กับ แมกไกรว์ อาจจะต้องหาเพิ่ม แต่ที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นคุณภาพทีมแนวลึกที่ตัวสำรองไม่สามารถทดแทนตัวจริงได้เลย ยิ่งตอน แมกไกรว์ เจ็บ รู้เรื่องเลย คงต้องยกระดับตรงนี้ด้วยหากหวังจะคว้าแชมป์ลีคที่จะต้องโรเตชั่นนักเตะบ่อยๆ

นักเตะลิเวอร์พูล สอบตกจากเกมล่าสุด

นักเตะลิเวอร์พูล สอบตกจากเกมล่าสุด

เกมล่าสุด ลิเวอร์พูล แฟนบอลอาจจะบ่นว่า พวกเค้าโชคร้ายที่โดนริบประตู และ โดนจุดโทษจากการทำงานของ VAR ที่เกมนี้ทั้งหมด 4 ครั้ง มันไม่ได้เข้าข้างพวกเค้าเลยสักครั้ง แต่อีกด้านหนึ่งการที่พวกเค้าต้องมาโดนจุดโทษตีเสมอในนาทีสุดท้ายของเกม มันก็ต้องโทษความผิดพลาด และไม่เฉียบคมของนักเตะเองด้วยที่ทำประตูลูกที่ 2,3 จนปิดเกมไม่ได้เอง ส่วนหนึ่งมาจากนักเตะของพวกเค้าหลายคนสอบตกกับเกมดังกล่าว มีใครสอบตกบ้างใน

ทาคุมิ มินามิโนะ

คนแรกที่น่าผิดหวังมากกับฟอร์ม ก็คือ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ได้ลงสนามในฐานะตัวจริง ตำแหน่งกองกลางเกมนี้แทนที่เค้าจะฉวยจังหวะทำให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองและยึดตัวจริงให้ได้ กลับกลายเป็นว่า เค้าไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย สิ่งที่เราเห็นก็คือพอได้บอล แล้วก็ไม่สามารถเชื่อมเกมไปยังกองหน้าสามตัว หรือ คนที่อยู่ใกล้สุดอย่าง ซาลาห์ ได้เลย แถมตอนเกมรับ ก็วิ่งไล่เพรสบอลเป็นบ้า เป็นหลังเหมือนไม่ได้ซ้อมคิวกับเพื่อนอีกต่างหาก ทำเอาแฟนบอลเดอะค็อปชาวไทย แม้จะให้กำลังใจแต่ก็บ่นเซ็งกับฟอร์มการเล่นในเกมนี้ หวังว่าจะดีขึ้นในเกมต่อไป

เนโก วิลเลี่ยมส์

เกมนี้เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ ฝั่งตรงข้ามเลือกที่จะเจาะทางเจ้าหนูคนนี้ เนื่องจากกระดูกบอล ประสบการณ์น้อยกว่าใครในแผงกองหลัง แต่ก็เป็นไปตามแท็คติค อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็พยายามสู้อย่างสุดตัวเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่า ไม่ใช่หมูให้เข้ามาเคี้ยวได้ง่ายๆเหมือนกัน แต่สุดท้ายเกมนี้ เนโก ก็พลาดทำเสียจุดโทษให้กับฝ่ายตรงข้ามยังดีไม่เสียประตูในจังหวะนี้ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีพลาดหลุดไปเหมือนกัน จนคล็อปป์ทนไม่ไหวต้องรีบเปลี่ยนออกช่วงต้นครึ่งหลัง เพื่อไม่ให้โดนจู่โจมจนเสียความมั่นใจไป แต่อย่างว่า น้องเค้ายังเด็กอยู่ก็ต้องใช้เวลาให้ความมั่นใจกันนิดหนึ่ง