เจาะประเด็นความห่วยแตก แมนยู เกมแพ้ไลป์ซิก

เจาะประเด็นความห่วยแตก แมนยู เกมแพ้ไลป์ซิก

หากจะถามว่า มันห่วยแตกแค่ไหน คงตอบได้เลยว่า มาก สำหรับเกมที่แพ้ไลป์ซิก ตกรอบ UCL จากในมือตัวเองแท้ๆเลย อย่างไรก็ตามหากมองให้ดี เกมนี้มีหลายจุดที่ความห่วยแตกมาผสมกัน จนกลายเป็นผลการแข่งขันแบบนี้ ส่วนที่ยิงได้ 2 ประตูบอกตามตรงว่า ไม่ได้มาจากแท็คติอะไรเลย มาดูความห่วยแตกของเกมนี้กันหน่อย

เล่นอุดแบบรอโดน

อย่างแรกเลย ก่อนเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าได้เปรียบทางไลป์ซิก อยู่พอสมควรเนื่องจากว่าพวกเค้ามีแต้มมากว่า นั่นทำให้ขอเพียงแค่เสมอก็จะเข้ารอบต่อไปได้เลย ว่าแล้ว โซลชาร์ก็เลือกแท็คติค รับแบบไม่สวนกลับ หรือพูดภาษาบ้านเราว่า อุดแล้วรอโดน คำถามก็คือ หากกุนซือเป็น มูรินโญ่ อุดแล้วเราเชื่อว่าไม่รอโดน มีสวนกลับ หรือหากจะอุดให้สุด มันอุดเต็มเกม เสมอ 0-0 ได้แน่นอน แต่ไม่ใช่ไง มันคือ โซลชาร์ พอมาใช้วิธีนี้ ไลป์ซิก ก็นวดเพลินมันมือกันเลยทีเดียว แล้วอุดยังไง ครึ่งแรกโดน 3-0 แบบนี้เปิดหน้าสู้ดีกว่า

กองหน้า เห็นแก่ตัว

เกมนี้มองไปที่ความผิดพลาดส่วนบุคคลมีเยอะมากเลย เกมรับหลายคนเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่เกมรุกเองก็ต้องโดนตำหนิด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะสองกองหน้าอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เมสัน กรีนวู้ด ที่เข้าลูปจังหวะนรกทั้งคู่ จังหวะจ่ายพี่แกเลี้ยง ยิงติด จังหวะควรยิงก็ไปจ่ายแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย นั่นทำให้จังหวะที่เค้าควรจะได้ประตู หรือทำอะไรมากกว่านี้ กลายเป็นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับทีมเลย น่าเสียดายมาก

เปลี่ยนตัวแบบงงกันทั้งโลก

แต่อีกหนึ่งความห่วยแตก ที่เชื่อว่าแฟนบอลคงงงกันทั้งโลก ว่าพี่เค้าทำได้ไง ก็คือ การเปลี่ยนตัวของโซลชาร์ที่ทุกคนเข้าไม่ถึง ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนพักครึ่งเปลี่ยน ฟานเดอบีค ลงมาอันนี้เข้าใจได้เพราะว่าต้องการประตูคืน แต่เคสเปลี่ยน ลุค ชอว์ ออกนาทีที่ 61 แล้วแทนที่ด้วยแบรนดอน วิลเลี่ยม อันนีก็เข้าใจได้ แต่ว่าการเปลี่ยนกองหลังอีกสองคนลงไปในนาทีที่ 78 ในสถานการณ์ที่ต้องการประตู มันคืออะไร อันนี้ห่วยจริง