บทเรียนสอนใจทีมซื้อขายนักเตะจากดีลของแวร์เนอร์

บทเรียนสอนใจทีมซื้อขายนักเตะจากดีลของแวร์เนอร์

สุดท้ายก็ต้องใช้คำว่าจบลงเสียทีสำหรับดีลที่ต้องบอกว่าเป็นมหากาพย์ในโลกลูกหนังด้วยเหมือนกัน สำหรับดีลของ ติโม แวร์เนอร์ ยอดดาวเตะทีมชาติเยอรมัน จากแอร์เบ ไลป์ซิก ที่สุดท้ายดีลก็มาหักมุมเอาตอนสุดท้ายที่นักเตะตกลงเลือกที่จะย้ายมาเล่นให้กับเชลซีแทนที่จะเป็นลิเวอร์พูลทีมที่ตามอ่อยออกสื่อมาเกือบทั้งฤดูกาล จากดีลนี้ด้วยราคา 47.5 ล้านปอนด์ เราได้เห็นบทเรียนอะไรกันบ้างจากทีมซื้อขายเชลซี
ความเร็วสำคัญกว่าจำนวนเงิน
ดีลของติโม แวร์เนอร์นั้น ต้องบอกว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยอย่างเดียวในการคว้าตัวมา จริงอยู่ว่าต้องมีเงินก่อนเพื่อจ่ายค่าฉีกสัญญาที่ตั้งไว้ แต่ดีลของแวร์เนอร์นั้น เราต้องยกเครดิตให้กับทีมซื้อขายของเชลซีที่ใช้ความเร็วในการติดต่อ เจรจา แบบไม่ต้องมากความอะไรทั้งนั้น หากไล่เลียงไทม์ไลน์ ดีลนี้เชลซีใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนก็ปิดดีลได้เลย ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีหากอยากได้ใครต้องเร็ว ต้องไว เพื่อให้ถึงเป้าหมาย หากช้าก็คงจะไม่ได้อะไร
แสดงความจริงใจต่อดีล
ไม้เด็ดที่ทำให้ เชลซี คว้าตัว ติโม แวร์เนอร์ มาได้นั้น ต้องบอกว่าอยู่ที่ไม้ตายลับที่ชื่อว่า ปีเตอร์ เช็ค เค้าคนนี้คือยอดนายทวารระดับตำนานของเชลซีที่ตอนนี้มาทำงานฝ่ายเทคนิคให้กับทีม ไม้เด็ดของเค้าก็คือ ปีเตอร์ เช็ค กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือของทีมได้บินลัดฟ้าไปหาแวร์เนอร์ถึงเยอรมัน จากนั้นก็คุยถึงแผนการทำทีม คุยเรื่องฟุตบอล เพื่อให้แวร์เนอร์ทราบจุดยืนของตัวเองต่อเชลซีหากได้ย้ายมา และแสดงความจริงใจของสโมสรที่มีต่อนักเตะด้วย เจอผู้จัดการทีมและที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิคมาคุยเองแบบนี้ นักเตะก็คงจะรับทราบความจริงใจของทีมได้ว่าต้องการตัวเค้าแค่ไหน ต่างจากทางลิเวอร์พูลที่ถือว่าทำได้น้อยมากในเรื่องนี้
ก็ต้องดูว่าบทเรียนในครั้งนี้ น่าจะทำให้หลายทีมปรับกลยุทธ์การซื้อนักเตะระดับบิ๊กเนมกันมากขึ้นเหมือนกัน ก็ต้องมาดูว่า แวร์เนอร์จะทำผลงานได้ดีแค่ไหนในซีซั่นหน้า

มูรินโญเผยความรู้สึกหลังรู้ว่าลิเวอร์พูลจะเข้าคว้าแชมป์ลีกปีนี้

มูรินโญเผยความรู้สึก
โชเซ มูรินโญ กุนซือชื่อดังของโลก ในฐานะผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของทอตแนม ฮอตสเปอร์กล่าวว่าตัวเขาเองรู้ดีว่าปีนี้มงต้องลงที่หงส์แดง ลิเวอร์พูล หลังจากการแข่งขันที่พวกเขาเอาชนะแมน ซิตี้ไป 3 ต่อ 1 และเขาเองก็รู้ดีว่านักเตะแมน ซิตี้ก็รู้ดีเช่นกัน
“ผมรู้อยู่แล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ผมรู้ดีเลยแหละ” มูรินโญกล่าว “ผมรู้ว่ามันยากที่จะชนะสามลีกติดต่อกัน”
“แต่พวกเขาก็เยี่ยมมาก ยังเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม นักแข่งที่ยอดเยี่ยม และผู้จัดการทีมเองก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน”
และเมื่อพูดถึงสตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น ผู้เล่นค่าตัว 27 ล้านปอนด์ หรือเป็นเงินไทยประมาณ 1,090ล้านบาท ที่เพิ่งเข้ามาร่วมทีมไม่นาน แต่กลับโชว์ฝีไม้ลายมือได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมที่พวกเขาเอาชนะเรือใบสีฟ้าไป 2-0 “การที่เราชนะพวกเขาเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะดูจากตารางตอนนี้ ถ้าคุณแพ้สักสองเกมคุณก็ตกชั้น ถ้าชนะสองเกม คุณก็ได้เลื่อนชั้น และแน่นอนว่ามันสำคัญกับเรามาก สำคัญมากเลยแหละ” มูรินโญกล่าว
ชัยขนะเหนือทีมแมนซิตี้ส่งผลให้ทอตแนม ฮอตสเปอร์เลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ของตาราง โดยมีคะแนนตามหลังสิงห์บลู เชลซีอยู่ 4 แต้ม และการแข่งขันรอบสุดท้ายในศึกพรีเมียร์ลีกก่อนพักเตะ หงส์แดง ลิเวอร์พูลก็ทิ้งท้ายด้วยคะแนน 4 ต่อ 0 ในนัดที่เจอกับเซาแธมป์ตันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยที่คู่แข่งคนสำคัญอย่างเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็พลาดท่าให้กับทอตแนม ฮอตสเปอร์ ภายใต้การนำทีมของโชเซ มูรินโญ ส่งผลให้คะแนนรวมของทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามหลังจ่าฝูงอย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูลมากถึง 22 แต้ม อีกทั้งยังรั้งตำแหน่งไร้พ่ายตั้งแต่ 3 มกราคม 2019 อีกด้วย โดยตอนนี้ลิเวอร์พูลยังต้องการคะแนนเพิ่มอีกแค่เพียง 6 แต้มก่อนที่จะคว้าชัยชนะหลังรอคอยมานานกว่า 30 ปี

เอ็มปัปเป้ เริ่มแล้ว

วันนี้ขาดพาดหัวของกีฬาฝรั่งเศสคงหนีไม่พ้นข่าวลือออกมาว่า ตอนนี้ยอดดาวเตะของพวกเค้าอย่าง คิริยัน เอ็มปัปเป้ ยอดดาวยิงของสังกัด ปารีส แซงแชกแมงค์ แสดงออกมาว่าไม่มีความสุขกับต้นสังกัดเดิมของเค้าเอง และเตรียมไม่ต่อสัญญญาฉบับใหม่กับทีม บอกเลยว่าสัญญาณแบบนี้ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย
น้องเป้ ส่งสัญญาณ
จากข่าวดังกล่าว ไม่แน่ใจว่าจะมาจากแหล่งข่าวใดแต่สิ่งที่ทำเป็นการเริ่มต้นมหากาพย์การย้ายตัวอีกครั้งหนึ่ง ทุกดีลใหญ่ๆที่เกิดขึ้นต่างก็มีจุดเริ่มจากข่าวที่เหมือนกับข่าวลือเหล่านี้นี่แหละ ยิ่งรายละเอียดของข่าวบอกว่า เจ้าตัวแสดงอาการไม่พอใจหลังจากโดนเปลี่ยนตัวออกจากสองเกมล่าสุด ยิ่งส่งสัญญาณชัดเลยว่าเค้าต้องการจะย้ายทีมแล้ว จับตาดูการเดินเกมของน้องเป้ และผู้จัดการส่วนตัวของเค้าให้ดี คงมีการปล่อยข่าวอยากย้ายมาตลอดจนถึงปิดฤดูกาลนั่นเลย แม้การเดินเกมเล่นกับสื่อแบบนี้จะเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไร แต่นักเตะบิ๊กเนมหลายคนที่อยากย้ายก็มักจะใช้กลยุทธ์แบบนี้ตลอดมันเหมือนเป็นสูตรสำเร็จไปแล้วจริงๆ
รีล มาดริด เตรียมรับขวัญ
สถานการณ์แบบนี้ บอกเลยว่า ทีมที่รอรับนักเตะอยู่ก็คือ รีล มาดริด ที่เคยออกมาแสดงความต้องการนักเตะคนนี้อย่างแรงกล้า แต่เหมือนกับสถานการณ์ของทีมและตัวนักเตะเหมือนจะไม่ลงตัวสักเท่าไร แต่ตอนนี้ พวกเค้าใช้ผู้จัดการทีมยอดฝีมือจากแดนฝรั่งเศสอย่าง ซีดาน น่าจะติดต่อน้องเป้ได้ง่ายกว่าเดิม แล้วบอกเลยว่า รีล มาดริด เตรียมรับขวัญน้องเป้แน่นอนพร้อมจ่ายทุกราคาอยู่ที่ว่าจะดีลจบลงที่เท่าไรเท่านั้นเอง ดูจากทรงแล้ว คงต้องการดึงน้องเป้ ไปแทนที่ เบนเซม่า ดาวยิงฝรั่งเศสรุ่นพี่ที่น่าจะใกล้ปลดระวางเต็มที่แล้ว
จากสถานการณ์ดังกล่าวบอกเลยว่า ปารีส แม้จะมีเงินหนาแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเค้าก็ไม่อาจจะรั้งใจของนักเตะไว้ได้แน่นอน ดูท่าแล้วเจ้าตัวเองก็เหมือนจะอยากออกจากประเทศฝรั่งเศส ที่ดูเหมือนจะเล็กเกินไปสำหรับเค้าด้วย หากคิดจะขึ้ไปถึงระดับคว้าบัลลงดอร์ได้ ก็คงต้องออกไปเล่นลาลีก้าเท่านั้นเอง

เฟดเดอริก ยุงเบิร์ก กับโอกาสครั้งสำคัญ

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวที่แฟนบอลติดตามกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมของอาร์เซนอลจาก อูไน เอเมรี่ ออกไปด้วยเหตุผลทางด้านฟุตบอล ต่อมาพวกเค้าเลือกที่จะดันมือขวาของทีมอย่าง เฟดเดอริก ยุงเบิร์ก ขึ้นมาทำหน้าที่แทนชั่วคราว แน่นอนว่านี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญของเจ้าตัวเลยทีเดียว
เลือดปืนเข้มข้นกว่าใคร
อย่างแรกที่บอร์ดเลือกใช้วิธีนี้ ต้องบอกว่าพวกเค้าเลือกที่จะดันคนสโมสรอย่างเต็มตัว เหมือนกันคราวของ กิ๊กส์ กับ โซลชาร์ ของแมนยู ที่ทำแบบนี้เพราะว่า ยุงเบิร์ก ถือว่าเป็นนักเตะก้นกุฏิของสโมสรอาร์เซนอลเหมือนกัน ช่วงสมัยเป็นนักเตะเค้าประสบความสำเร็จกับอาร์เซนอลมาอย่างยาวนาน นั่นทำให้เค้ามีบารมีมากพอจะคุมนักเตะให้กลับมาอยู่เส้นทางที่ควรจะเป็นได้ เรียกว่าใช้ใจนำมาก่อนนักเตะนั่นเอง
แท็คติคดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
กรณีของยุงเบิร์ก จะคล้ายกับของกิ๊กส์ ช่วงคุมชั่วคราวให้แมนยูเลยตรงที่ว่า ทั้งคู่มีประสบการณ์การคุมทีมน้อยมาก แต่การได้ลงมาคุมทีมใหญ่แบบนี้ได้ถือว่าเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆแล้ว เรื่องแท็คติคนี่แหละสำคัญ ตัวยุงเบิร์ก จะใช้แท็คติคอะไรลงมาเพื่อจัดการผลการแข่งขันในสนามตรงนี้น่าสนใจทีเดียว อย่างไรก็ตามส่วนตัวเชื่อว่า ลุงเบิร์ก น่าจะใช้แท็คติคอะไรที่เราคุ้นเคยความเป็นอาร์เซนอลกลับมาให้เราได้เห็นกัน
รู้จักนักเตะดีกว่าที่คิด
โอกาสสำคัญครั้งนี้ ทำไมบอร์ดถึงเลือกยุงเบิร์ก คำตอบก็คือ เค้าเป็นคนที่คลุกคลีกับนักเตะชุดนี้มานานกว่าครึ่งปี ทำให้เค้ารู้ไส้รู้พุงนักเตะเหล่านี้ดี รู้ว่าใครถนัดอะไร เล่นอะไร ไม่ถนัดอะไร การดึงเข้าขึ้นมาทำทีมก็ดีตรงที่ว่าเค้าไม่ต้องทำความรู้จักนักเตะอีก ข้อดีก็คือเค้าอาจจะมีวิธีการบางอย่างที่รีดศักยภาพนักเตะที่รู้จักดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นมาอีกก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามแฟนปืนที่เคยติดตาม ยุงเบิร์ก มาก่อนตอนเป็นนักเตะ ตอนนี้ต้องมาส่งกำลังใจกันหน่อยแล้ว

“ราดาเมล ฟัลเกา” เสนอตัวอยากเล่นให้กับ “ราชันชุดขาว”


สำนักข่าว มาร์ก้า สื่อชื่อดังของประเทศสเปน รายงานข่าวว่า “ราดาเมล ฟัลเกา” กองหน้าทีมชาติโคลอมเบีย ของ โมนาโก เสนอตัวเองให้ ราชันชุดขาว – เรอัล มาดริด
สำหรับพิจรณาเรื่องการย้ายทีมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองเดือนมกราคมนี้

เป็นที่เชื่อกันว่า หัวหอกวัย 32 ปี เริ่มจะไม่มีความสุขกับ โมนาโก ที่กำลังดิ้นรนหนีโซนท้ายตารางอยู่ในช่วงต้นฤดูกาลนี้ โดยหวังกลับไปเล่นในลา ลีกา สเปน อีกครั้ง
และไม่มีความสุขมากนักหลังจากที่ไม่มีตำแหน่งตัวจริงในทีมฟุตบอลโมนาโก นับตั้งแต่ เธียร์รี อองรี ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นกุนซือคนใหม่ และอาจจะย้ายกลับไปเล่นในสเปน
หลังเคยประสบความสำเร็จกับ แอตเลติโก มาดริด มาแล้วในอดีต

ฟัลเกา ยังเหลือสัญญากับ โมนาโก จนถึงปี 2020 และหวังว่าต้นสังกัดในลีก เอิง ฝรั่งเศส จะยอมปล่อยตัวในราคาถูก ๆ เมื่อตลาดเปิดขึ้นอีกครั้งต้นปีหน้า หลังอยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่ปี 2013 โดยระหว่างนั้นย้ายไปล้มเหลวในพรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี แบบยืมตัว

สำหรับ ฟัลเกา เคยอยู่ในช่วงพีคสุด สมัยยิง 72 ประตูจาก 87 นัดกับ เอฟซี ปอร์โต้ ก่อนย้ายมาร่วมทีม แอต.มาดริด ในปี 2011 และยิง 70 ประตูจาก 91 นัดตลอด 2 ฤดูกาลในกรุงมาดริด
ทั้งนี้ ฟัลเกา ยังเหลือสัญญากับ โมนาโก อีก 18 เดือน ทว่าหากสถานการณ์ของเขากับโมนาโกยังไม่ดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่ “เอล ติเกร” จะย้ายกลับไปเล่นในนครหลวงของสเปนอีกครั้ง

ฟัลเกา ร้อนแรงที่สุดในช่วงฤดูกาล 2011/12 ถึง 2012/13 กับ แอตฯ มาดริด โดย “เอล ติเกร” ถูกยกย่องให้เป็นหัวหอกที่มีส่วนผสมของสมัยใหม่และสมัยเก่าที่ลงตัวที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น
แผนการเล่นแบบ ฟอลส์ ไนน์ กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ ฟัลเกา เป็นกองหน้าเบอร์ 9 ขนานแท้ที่เก่งกาจติดอันดับต้นๆของโลก โดยมีหลายคนเปรียบเขากับยอดดาวยิงในอดีตอย่าง
โรนัลโด้, อลัน เชียร์เรอร์ หรือ กาเบรียล บาติสตูต้า เลยทีเดียว

ฟัลเกา ยิงประตูได้ทุกรูปแบบในทุกระยะทั้งยังสามารถเลี้ยงตัดเข้ามายิงได้เหมือนพวกกองหน้ากึ่งปีกอีกด้วย นอกจากนี้อดีตดาวเตะปอร์โต้ ยังครองบอล พร้อมกับมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก ๆ
โดยตลอดสองปีดังกล่าว ฟัลเกา ยิงไปถึง 70 ประตูในทุกรายการ พร้อมกับฝากความทรงจำด้วยการฉลองหลังทำประตูได้ด้วยท่าราวกับว่า ตัวเขายิงได้ในรอบชิงฯฟุตบอลโลก

เอ็มบั๊ปเป้ สุดเจ๋งสร้างสถิติดซัด 4 ประตูในเกมเดียว

อ็อปต้า สื่อฟุตบอลออนไลน์แนวบันทึกสถิติ ระบุว่า คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ นักเตะชื่อดัง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยสุดในรอบ 45 ฤดูกาลที่ผ่านมา
ที่ยิงระรัวในเกมระดับ ลีก เอิง ได้ถึง 4 ลูกต่อนัด โดยเจ้าตัวเผยอย่างถ่อมตัวว่า เพื่อนร่วมทีมมีส่วนคอยช่วยสนับสนุนจนทำให้ยิงได้สำเร็จหลายลูก

คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าดาวรุ่งของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในรอบ 45 ฤดูกาลหลังสุดที่ทำประตูได้ถึง 4 ลูกต่อ 1 นัดในเกมระดับ ลีก เอิง ฝรั่งเศส
ด้วยวัยทีนเพียง 19 ปี กับอีก 9 เดือนของเขา หลังจากที่เอ็มบั๊ปเป้ช่วยให้ทีมเปิดรัง ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เอาชนะแบบขาดลอย โอลิมปิก ลียง ด้วยสกอร์ 5-0 เมื่อที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตามรายงานของ อ็อปต้า สื่อชื่อดัง

ในนัดดังกล่าว เอ็มบั๊ปเป้ ยิงรัวทีเดียวได้ 4 ลูกในช่วงครึ่งหลัง ส่งผลให้เขาทำประตูในลีกประจำฤดูกาลนี้รวมแล้ว 8 ลูก จึงทำให้ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส ได้ขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกทันทีร่วมกับ เนย์มาร์ ดาวยิงเพื่อนร่วมทีม
ทั้งนี้ เอ็มบั๊ปเป้ ยังให้เครดิตกับเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วยที่ช่วยให้ตนทำประตูได้มากขนาดนี้

“เพื่อนร่วมทีมช่วยผมเยอะมาก คืนนี้ผมไม่เคยมีข้อกังขาเลยเกี่ยวกับเรื่องทำประตู เพราะสำหรับกองหน้าแล้วน่ะ ทุกอย่างมันจะโอเคราบรื่นได้ ตราบใดที่ยังมีคนสร้างโอกาสทำประตูให้เรื่อย ๆ
ผมรู้ดีว่าถ้าผมได้ทำสิ่งที่เหมาะสมนี้แล้ว ลูกบอลมันก็จะกลับมาเอง และเพื่อนร่วมทีมก็จ่ายบอลสวย ๆ ให้ผมเยอะมาก และนั่นเป็นก็สาเหตุที่ทำให้ผมยิงได้หลายประตูในคืนนี้”

แนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องเงินของทีมฟุตบอล

ถือว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกกันจริง สำหรับปัญหาด้านการเงินต่างๆที่ทำให้ทีมต่างๆต้องมีปัญหากันตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าจ้างนักเตะ และทีมงานที่จ่ายกันบ้างไม่จ่ายบ้าง จนล่าสุดเริ่มมีการดำเนินการไปถึงการขึ้นโรงขึ้นศาลกันแล้ว แน่นอนว่าทางผู้บริหารไทยลีคเองก็ควรจะมีทางแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก วันนี้เราขอเสนอ 3 ข้อ

จัดทีมตรวจการเงินทุก 6 เดือน

อย่างแรกเลย ทางผู้บริหารควรจะมีการจัดทีมตรวจเรื่องของบัญชีรายรับรายจ่ายของแต่ละทีมในไทยลีค แน่นอนว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นความลับของทีม แต่หากมองอีกมุมหนึ่งหากทีมไหนมีปัญหาเรื่องการเงิน ทางผู้บริหารและสมาคมจะได้มีการช่วยเหลือ พร้อมแนะนำวิธีการแก้ไขเบื้องต้น ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้นมาทีหลังได้ ส่วนตัวคิดว่า ควรจะมีการตรวจกันทุก 6 เดือนก็น่าจะพอดี

กำหนดวงเงินประกันสำหรับค่าจ้าง

เรื่องที่สองก็คือปัญหาเรื่องการค้างค่าเหนื่อยของนักเตะในสังกัด ไม่ว่าจะเป็นการไม่จ่ายเพราะไม่มีเงิน หรือ ยุบทีม หรือ ทีมโดนแบนอะไรก็ตาม ตรงนี้ทางไทยลีคน่าจะให้แต่ละทีมมีการวางเงินประกันตรงนี้ไว้ด้วย หากทีมไปต่อไม่ไหวจริง จะได้นำเงินตรงนี้มาจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะ อย่างน้อยก็ควรจะมีเงินประกันค่าเหนื่อยนักเตะ และทีมงานเบื้องหลังอย่างน้อย 1 เดือน พวกเค้าจะได้มีเงินไว้สำรอง ก่อนหาทีมใหม่ได้

ดำเนินการฟ้องร้องกันจริงจัง

สุดท้ายก็คือเรื่องของการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น ทางไทยลีคควรจะให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับเจ้าของหรือผู้บริหารทีมที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการบริหารงานว่า หากคุณทำเล่นๆ หรือ ชิ่งเงิน จะมีการฟ้องร้องติดตามเอาเงินมาจริงๆ ไม่งั้นก็ไม่เข็ดกันสักที ยังไงตอนนี้ก็ปิดฤดูกาลกันอยู่ลองหาทางกันดู จะได้เป็นความมั่นคงของลีค นักเตะ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนด้วย