นักเตะลิเวอร์พูล สอบตกจากเกมล่าสุด

นักเตะลิเวอร์พูล สอบตกจากเกมล่าสุด

เกมล่าสุด ลิเวอร์พูล แฟนบอลอาจจะบ่นว่า พวกเค้าโชคร้ายที่โดนริบประตู และ โดนจุดโทษจากการทำงานของ VAR ที่เกมนี้ทั้งหมด 4 ครั้ง มันไม่ได้เข้าข้างพวกเค้าเลยสักครั้ง แต่อีกด้านหนึ่งการที่พวกเค้าต้องมาโดนจุดโทษตีเสมอในนาทีสุดท้ายของเกม มันก็ต้องโทษความผิดพลาด และไม่เฉียบคมของนักเตะเองด้วยที่ทำประตูลูกที่ 2,3 จนปิดเกมไม่ได้เอง ส่วนหนึ่งมาจากนักเตะของพวกเค้าหลายคนสอบตกกับเกมดังกล่าว มีใครสอบตกบ้างใน

ทาคุมิ มินามิโนะ

คนแรกที่น่าผิดหวังมากกับฟอร์ม ก็คือ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ได้ลงสนามในฐานะตัวจริง ตำแหน่งกองกลางเกมนี้แทนที่เค้าจะฉวยจังหวะทำให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองและยึดตัวจริงให้ได้ กลับกลายเป็นว่า เค้าไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย สิ่งที่เราเห็นก็คือพอได้บอล แล้วก็ไม่สามารถเชื่อมเกมไปยังกองหน้าสามตัว หรือ คนที่อยู่ใกล้สุดอย่าง ซาลาห์ ได้เลย แถมตอนเกมรับ ก็วิ่งไล่เพรสบอลเป็นบ้า เป็นหลังเหมือนไม่ได้ซ้อมคิวกับเพื่อนอีกต่างหาก ทำเอาแฟนบอลเดอะค็อปชาวไทย แม้จะให้กำลังใจแต่ก็บ่นเซ็งกับฟอร์มการเล่นในเกมนี้ หวังว่าจะดีขึ้นในเกมต่อไป

เนโก วิลเลี่ยมส์

เกมนี้เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ ฝั่งตรงข้ามเลือกที่จะเจาะทางเจ้าหนูคนนี้ เนื่องจากกระดูกบอล ประสบการณ์น้อยกว่าใครในแผงกองหลัง แต่ก็เป็นไปตามแท็คติค อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็พยายามสู้อย่างสุดตัวเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่า ไม่ใช่หมูให้เข้ามาเคี้ยวได้ง่ายๆเหมือนกัน แต่สุดท้ายเกมนี้ เนโก ก็พลาดทำเสียจุดโทษให้กับฝ่ายตรงข้ามยังดีไม่เสียประตูในจังหวะนี้ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีพลาดหลุดไปเหมือนกัน จนคล็อปป์ทนไม่ไหวต้องรีบเปลี่ยนออกช่วงต้นครึ่งหลัง เพื่อไม่ให้โดนจู่โจมจนเสียความมั่นใจไป แต่อย่างว่า น้องเค้ายังเด็กอยู่ก็ต้องใช้เวลาให้ความมั่นใจกันนิดหนึ่ง

ตรวจการบ้าน สเปอร์ส ทำอะไรไปแล้วบ้าง

ตรวจการบ้าน สเปอร์ส ทำอะไรไปแล้วบ้าง

สเปอร์ส ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่เรามองว่า ล้มเหลว และน่าผิดหวังมากจริงๆ จริงอยู่การแต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ มาคุมทีมอาจจะไม่ใช่คนที่เข้ากันเท่าไร แต่มันก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่นัก จากผลงานก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย แต่การปลดก่อนจะลงสนามนัดชิงกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าน่าเกลียดทั้งวิธีการและผลลัพธ์ แถมจนถึงตอนนี้พวกเค้าเพิ่งจะได้กุนซือเป็นเรื่องเป็นราวสักที เรามาตรวจการบ้านสเปอร์สกันว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง

ผู้จัดการทีมคนใหม่

หลังจากมีข่าวกับกุนซือที่ว่างงาน และไม่ว่างงาน นับสิบคนทั่วยุโรป สุดท้าย สเปอร์ส ก็ทำการบ้านข้อแรกที่ควรจะทำเสร็จตั้งนานแล้วสักที นั่นก็คือ การตามหาผู้จัดการทีมคนใหม่ คนนั้นก็คือ นูโน่ เอสปริริโต้ ซานโต้ กุนซือคนเก่งของวูลฟ์แฮมป์ตัน ที่กว่าจะมาลงตัวคนนี้สเปอร์ส ก็หน้าแหกมาเยอะเหมือนกัน ต้องยอมรับว่ากว่าจะได้คนนี้มา มันช้าไปหน่อย อย่างไรก็ตามได้มาแล้วก็ดีกว่าไม่ได้ใครเลย

อนาคต แฮร์รี่ เคน

การบ้านข้อต่อไป เป็นการบ้านข้อที่สำคัญมากนั่นก็คือ อนาคตของดาวยิงเบอร์หนึ่งของทีมอย่าง แฮร์รี่ เคน ว่าจะอยู่หรือไป ตอนนี้เจ้าตัวเพิ่งจะเสร็จศึกกับทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 ก็ต้องมาดูกันว่า จะขายหรือเก็บไว้ต่อ สำคัญของข้อนี้ไม่ได้อยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่อยู่ที่ความชัดเจนจะมาตอนไหนต่างหาก หากมาไว นูโน่ กุนซือก็จะได้เดินหน้าต่อไปอย่างไร

เติมหลัง

สเปอร์ส เรื่องเกมบุกไว้ใจได้ แต่เกมรับ ก็น่าเหนื่อยใจแทนเช่นกัน หลายครั้งที่พวกเค้าพลาดชัยชนะในเกมสำคัญจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของกองหลัง นั่นทำให้พวกเค้าต้องเติมกองหลังดีๆสักคนลงไป ตอนนี้ที่มีข่าวออกมาเป็นการซื้อกองหลังอย่างทาเคฮิโระ โทมิยาซุ กองหลังจากโบโลญญ่า ข่าวนี้ดูท่าสเปอร์สจะเอาจริงเสียด้วย เรามองว่าความคืบหน้าน่าจะมีการเจรจากันไปแล้วกว่าครึ่งทาง ก็เหลือแต่ว่าจะมาไหมแค่นั้นราคาประเมิน 20 ล้านปอนด์ ถือว่าเอาเรื่องอยู่

สรุปดาวยิง 5 ลีคใหญ่ยุโรปเวลานี้ (นับเฉพาะเกมลีค)

สรุปดาวยิง 5 ลีคใหญ่ยุโรปเวลานี้ (นับเฉพาะเกมลีค)

ตอนนี้ลีคใหญ่ของยุโรป กำลังเข้าสู่ช่วงของเกมบอลถ้วย ของประเทศตัวเอง ซึ่งจะเป็นเกมบอลถ้วยที่จะเข้าสู่ช่วงก่อนรองชนะเลิศ เกมลีคก็เลยได้พักกันไปก่อน (ใครตกรอบก่อนก็ไม่ได้แข่ง รอพักกันไป) ในช่วงพักสั้นๆแบบนี้ก็เลยมีการทำสถิติที่น่าสนใจออกมาเป็นสถิติดาวยิงสูงสุดของลีคในเวลานี้ มาดูกันว่า 5 ลีคใหญ่ยุโรปมีใครกันบ้าง

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ไปตั้งต้นที่บุนเดสลีก้า เยอรมันกันก่อน ชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครร้อนแรงเกินว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ของบาเยิร์น มิวนิคอีกแล้ว จากซีซั่นก่อน ที่ยิงระเบิดจนพาทีมได้ ทริปเปิ้ลแชมป์ มาซีซั่นนี้ก็ยังโหดอย่างต่อเนื่อง สถิติบอกว่าลงเล่นไปทั้งหมด 19 เกม ทำไปทั้งหมด 24 ประตู เฉลี่ย 66 นาทีต่อ 1 ประตู นี่มันเป็นสถิติที่โหดมากแบบที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆจริง

หลุยส์ ซัวเรส

ยิงอุดปาก คงเป็นวลีที่ หลุยส์ คงอยากจะพูดเป็นภาษาไทยให้กับบอร์ดบริหารของ บาร์ซา ได้ยินเสียเหลือเกิน หากใครจำได้ ช่วงซัมเมอร์ ซัวเรส ต้องออกจากบาร์ซา แบบไม่ค่อยดีเท่าไรนัก สุดท้ายเค้าเลือก แอต.

มาดริด แล้วก็ไม่ผิดหวัง ตอนนี้ลงเล่นไป 17 เกม ทำไป 16 ประตู เฉลี่ย 80 นาทีต่อ 1 ประตู ขึ้นแท่นกลายเป็นดาวซัลโวมีสิทธิ์พา แอต.

มาดริด ขึ้นไปเถลิงแชมป์ลีคได้ด้วย

คิรียัน เอ็มปัปเป้

โกลเด้นบอย ของวงการฟุตบอลฝรั่งเศสอย่าง เอ็มปัปเป้ ก็คงรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้เหมือนกับ กับทีม PSG เค้าลงสนามไปทั้งหมด 20 เกม ทำไป 16 ประตู เฉลี่ย 90 นาที ต่อ 1 ประตู เป็นอีกหนึ่งกองหน้าที่โลกต้องจับตามองว่า เค้าจะไปไหนต่อเมื่อสิ้นสุดซีซั่นนี้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้

พี่โด้ ย้ายไปยูเวนตุส ในวัยไม่น้อยแล้ว แต่เค้าก็แสดงให้เห็นว่า อายุไม่ใช่ปัญหาสำหรับเค้า เค้ายังสามารถเล่นฟุตบอลได้ในระดับสูงสุดอีก เค้ายังต้องการมันอีก สังเกตได้จากสถิติลงเล่นไป 17 เกม ทำไป 16 ประตู ค่าเฉลี่ย 91 นาทีต่อประตู ถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงมาก เราคิดว่า พี่โด้ คงไม่หยุดเพียงแค่นี้แน่

โมฮัมเหม็ด ซาลาห์

สุดท้ายตัวแทนจาก พรีเมียร์ลีค เป็น โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ คนดีคนเดิมของเหล่าเดอะ ค็อป ที่ลงสนามไป 22 เกม ทำไปทั้งหมด 16 ประตูกับค่าเฉลี่ย 115 นาทีต่อ 1 ประตู น่าเสียดายที่ผลงานดีแบบนี้ไม่พาให้ต้นสังกัดบินสูงตามไปด้วย

กองกลางที่อยากให้สอยมาแทนบรูโน่

กองกลางที่อยากให้สอยมาแทนบรูโน่

สำหรับดีลของ บรูโน่ แฟร์นันเดส ต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้ากับแฟนแมนยูได้เลยว่า ดีลไม่เกิดขึ้นแน่นอน แม้ว่าตอนนี้จะมีข่าวว่า ผีขอวัดใจยื่นครั้งสุดท้ายเพื่อดึงมาให้ได้ อย่างไรก็ตามหากไม่ได้จริง ก็ยังมีกองกลางอีกหลายคนในท้องตลาดที่ฝีเท้าไม่ต่างกัน ราคาก็พอสู้ได้ สื่อได้คาดการณ์เอาไว้ส่วนหนึ่งมีใครกันบ้าง

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
พ่อมดน้อยแห่งแอนฟิลด์ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เป็นชื่อแรกที่เราขอแนะนำ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยู่ในฟอร์มที่ดีเหมือนเดิมแม้ว่าจะเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค อยู่ก็ตาม หากมองในเรื่องของฟุตบอล นี่เป็นดีลที่ดีเพราะเจ้าตัวไม่น่าจะได้ลงเล่นในทีมบาร์เซโลน่าแล้วกับบาเยิร์น มิวนิคก็ไม่น่าจะซื้อขาด เจ้าตัวหากมาก็จะกลายเป็นตัวจริงได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่เค้าจะกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานผู้ทรยศในสายตาเดอะค็อป เหมือนกับ ไมเคิล โอเว่น ถ้ายอมรับได้ก็มา  

คริสเตียน อิริกเซ่น
คนต่อไปเพลย์เมกเกอร์ ทีมชาติเดนมาร์ค ที่ส่อแววว่าลาจากทีมสเปอร์สแน่นอน อย่างไรก็ตามสัญญาณแรงมากว่าเจ้าตัวจะไปลงเอยกับอินเตอร์ มิลานในอิตาลี อย่างไรก็ตามโลกฟุตบอลไม่สามารถคาดเดาได้เลย หากแมนยูอยากจะเร่งเพื่อปิดดีลนี้โค้งสุดท้ายก็ยังพอมีหวังอยู่ ตัวนี้บอกเลยว่าถ้าได้มาไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย ฝีเท้าการันตี แฟนบอลก็โอเค ค่าตัวไม่น่าแพงมากเพราะใกล้หมดสัญญา ถ้าอยากได้ต้องรีบ

เจมส์ แมดดิสัน
คนนี้ถือว่าเป็นกองกลางที่เด่นมาของเลสเตอร์ ทำผลงานได้บินสูงในขณะนี้ บวกกับเป็นสายเลือดอังกฤษด้วยน่าจะถูกสเปคของโซลชาร์ แต่ปัญหาอยู่ที่เลสเตอร์ไม่ได้เป็นทีมหนีตกชั้น หรือขาดเงินจนต้องขายนักเตะกิน บวกกับเลสเตอร์กำลังลุ้นทำผลงานไปเล่น UCL ฤดูกาลหน้า จนถึงรอลุ้นบอลถ้วยอีกด้วย ถ้าจะเอาจริงบอกเลยว่า 100 ล้านปอนด์เป็นอย่างน้อย

แจ็ค กรีลิช
จอมทัพคนนี้พัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของทีมแอสตัน วิลล่าอย่างน่าภาคภูมิใจ การออกบอล การครองบอลอันเหนียเตแน่น การยิงไกล และลูกตั้งเตะ ถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน อีกทั้งการเล่นด้วยจิตใจอันกล้าหาญ น่าจะเข้ามายกระดับแผงกองกลางของแมนยูได้เลย คนนี้เชียร์เลยว่าน่าซื้อที่สุด

บทเรียนสอนใจทีมซื้อขายนักเตะจากดีลของแวร์เนอร์

บทเรียนสอนใจทีมซื้อขายนักเตะจากดีลของแวร์เนอร์

สุดท้ายก็ต้องใช้คำว่าจบลงเสียทีสำหรับดีลที่ต้องบอกว่าเป็นมหากาพย์ในโลกลูกหนังด้วยเหมือนกัน สำหรับดีลของ ติโม แวร์เนอร์ ยอดดาวเตะทีมชาติเยอรมัน จากแอร์เบ ไลป์ซิก ที่สุดท้ายดีลก็มาหักมุมเอาตอนสุดท้ายที่นักเตะตกลงเลือกที่จะย้ายมาเล่นให้กับเชลซีแทนที่จะเป็นลิเวอร์พูลทีมที่ตามอ่อยออกสื่อมาเกือบทั้งฤดูกาล จากดีลนี้ด้วยราคา 47.5 ล้านปอนด์ เราได้เห็นบทเรียนอะไรกันบ้างจากทีมซื้อขายเชลซี
ความเร็วสำคัญกว่าจำนวนเงิน
ดีลของติโม แวร์เนอร์นั้น ต้องบอกว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยอย่างเดียวในการคว้าตัวมา จริงอยู่ว่าต้องมีเงินก่อนเพื่อจ่ายค่าฉีกสัญญาที่ตั้งไว้ แต่ดีลของแวร์เนอร์นั้น เราต้องยกเครดิตให้กับทีมซื้อขายของเชลซีที่ใช้ความเร็วในการติดต่อ เจรจา แบบไม่ต้องมากความอะไรทั้งนั้น หากไล่เลียงไทม์ไลน์ ดีลนี้เชลซีใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนก็ปิดดีลได้เลย ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีหากอยากได้ใครต้องเร็ว ต้องไว เพื่อให้ถึงเป้าหมาย หากช้าก็คงจะไม่ได้อะไร
แสดงความจริงใจต่อดีล
ไม้เด็ดที่ทำให้ เชลซี คว้าตัว ติโม แวร์เนอร์ มาได้นั้น ต้องบอกว่าอยู่ที่ไม้ตายลับที่ชื่อว่า ปีเตอร์ เช็ค เค้าคนนี้คือยอดนายทวารระดับตำนานของเชลซีที่ตอนนี้มาทำงานฝ่ายเทคนิคให้กับทีม ไม้เด็ดของเค้าก็คือ ปีเตอร์ เช็ค กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือของทีมได้บินลัดฟ้าไปหาแวร์เนอร์ถึงเยอรมัน จากนั้นก็คุยถึงแผนการทำทีม คุยเรื่องฟุตบอล เพื่อให้แวร์เนอร์ทราบจุดยืนของตัวเองต่อเชลซีหากได้ย้ายมา และแสดงความจริงใจของสโมสรที่มีต่อนักเตะด้วย เจอผู้จัดการทีมและที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิคมาคุยเองแบบนี้ นักเตะก็คงจะรับทราบความจริงใจของทีมได้ว่าต้องการตัวเค้าแค่ไหน ต่างจากทางลิเวอร์พูลที่ถือว่าทำได้น้อยมากในเรื่องนี้
ก็ต้องดูว่าบทเรียนในครั้งนี้ น่าจะทำให้หลายทีมปรับกลยุทธ์การซื้อนักเตะระดับบิ๊กเนมกันมากขึ้นเหมือนกัน ก็ต้องมาดูว่า แวร์เนอร์จะทำผลงานได้ดีแค่ไหนในซีซั่นหน้า

มูรินโญเผยความรู้สึกหลังรู้ว่าลิเวอร์พูลจะเข้าคว้าแชมป์ลีกปีนี้

มูรินโญเผยความรู้สึก
โชเซ มูรินโญ กุนซือชื่อดังของโลก ในฐานะผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของทอตแนม ฮอตสเปอร์กล่าวว่าตัวเขาเองรู้ดีว่าปีนี้มงต้องลงที่หงส์แดง ลิเวอร์พูล หลังจากการแข่งขันที่พวกเขาเอาชนะแมน ซิตี้ไป 3 ต่อ 1 และเขาเองก็รู้ดีว่านักเตะแมน ซิตี้ก็รู้ดีเช่นกัน
“ผมรู้อยู่แล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ผมรู้ดีเลยแหละ” มูรินโญกล่าว “ผมรู้ว่ามันยากที่จะชนะสามลีกติดต่อกัน”
“แต่พวกเขาก็เยี่ยมมาก ยังเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม นักแข่งที่ยอดเยี่ยม และผู้จัดการทีมเองก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน”
และเมื่อพูดถึงสตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น ผู้เล่นค่าตัว 27 ล้านปอนด์ หรือเป็นเงินไทยประมาณ 1,090ล้านบาท ที่เพิ่งเข้ามาร่วมทีมไม่นาน แต่กลับโชว์ฝีไม้ลายมือได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมที่พวกเขาเอาชนะเรือใบสีฟ้าไป 2-0 “การที่เราชนะพวกเขาเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะดูจากตารางตอนนี้ ถ้าคุณแพ้สักสองเกมคุณก็ตกชั้น ถ้าชนะสองเกม คุณก็ได้เลื่อนชั้น และแน่นอนว่ามันสำคัญกับเรามาก สำคัญมากเลยแหละ” มูรินโญกล่าว
ชัยขนะเหนือทีมแมนซิตี้ส่งผลให้ทอตแนม ฮอตสเปอร์เลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ของตาราง โดยมีคะแนนตามหลังสิงห์บลู เชลซีอยู่ 4 แต้ม และการแข่งขันรอบสุดท้ายในศึกพรีเมียร์ลีกก่อนพักเตะ หงส์แดง ลิเวอร์พูลก็ทิ้งท้ายด้วยคะแนน 4 ต่อ 0 ในนัดที่เจอกับเซาแธมป์ตันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยที่คู่แข่งคนสำคัญอย่างเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็พลาดท่าให้กับทอตแนม ฮอตสเปอร์ ภายใต้การนำทีมของโชเซ มูรินโญ ส่งผลให้คะแนนรวมของทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามหลังจ่าฝูงอย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูลมากถึง 22 แต้ม อีกทั้งยังรั้งตำแหน่งไร้พ่ายตั้งแต่ 3 มกราคม 2019 อีกด้วย โดยตอนนี้ลิเวอร์พูลยังต้องการคะแนนเพิ่มอีกแค่เพียง 6 แต้มก่อนที่จะคว้าชัยชนะหลังรอคอยมานานกว่า 30 ปี

เอ็มปัปเป้ เริ่มแล้ว

วันนี้ขาดพาดหัวของกีฬาฝรั่งเศสคงหนีไม่พ้นข่าวลือออกมาว่า ตอนนี้ยอดดาวเตะของพวกเค้าอย่าง คิริยัน เอ็มปัปเป้ ยอดดาวยิงของสังกัด ปารีส แซงแชกแมงค์ แสดงออกมาว่าไม่มีความสุขกับต้นสังกัดเดิมของเค้าเอง และเตรียมไม่ต่อสัญญญาฉบับใหม่กับทีม บอกเลยว่าสัญญาณแบบนี้ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย
น้องเป้ ส่งสัญญาณ
จากข่าวดังกล่าว ไม่แน่ใจว่าจะมาจากแหล่งข่าวใดแต่สิ่งที่ทำเป็นการเริ่มต้นมหากาพย์การย้ายตัวอีกครั้งหนึ่ง ทุกดีลใหญ่ๆที่เกิดขึ้นต่างก็มีจุดเริ่มจากข่าวที่เหมือนกับข่าวลือเหล่านี้นี่แหละ ยิ่งรายละเอียดของข่าวบอกว่า เจ้าตัวแสดงอาการไม่พอใจหลังจากโดนเปลี่ยนตัวออกจากสองเกมล่าสุด ยิ่งส่งสัญญาณชัดเลยว่าเค้าต้องการจะย้ายทีมแล้ว จับตาดูการเดินเกมของน้องเป้ และผู้จัดการส่วนตัวของเค้าให้ดี คงมีการปล่อยข่าวอยากย้ายมาตลอดจนถึงปิดฤดูกาลนั่นเลย แม้การเดินเกมเล่นกับสื่อแบบนี้จะเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไร แต่นักเตะบิ๊กเนมหลายคนที่อยากย้ายก็มักจะใช้กลยุทธ์แบบนี้ตลอดมันเหมือนเป็นสูตรสำเร็จไปแล้วจริงๆ
รีล มาดริด เตรียมรับขวัญ
สถานการณ์แบบนี้ บอกเลยว่า ทีมที่รอรับนักเตะอยู่ก็คือ รีล มาดริด ที่เคยออกมาแสดงความต้องการนักเตะคนนี้อย่างแรงกล้า แต่เหมือนกับสถานการณ์ของทีมและตัวนักเตะเหมือนจะไม่ลงตัวสักเท่าไร แต่ตอนนี้ พวกเค้าใช้ผู้จัดการทีมยอดฝีมือจากแดนฝรั่งเศสอย่าง ซีดาน น่าจะติดต่อน้องเป้ได้ง่ายกว่าเดิม แล้วบอกเลยว่า รีล มาดริด เตรียมรับขวัญน้องเป้แน่นอนพร้อมจ่ายทุกราคาอยู่ที่ว่าจะดีลจบลงที่เท่าไรเท่านั้นเอง ดูจากทรงแล้ว คงต้องการดึงน้องเป้ ไปแทนที่ เบนเซม่า ดาวยิงฝรั่งเศสรุ่นพี่ที่น่าจะใกล้ปลดระวางเต็มที่แล้ว
จากสถานการณ์ดังกล่าวบอกเลยว่า ปารีส แม้จะมีเงินหนาแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเค้าก็ไม่อาจจะรั้งใจของนักเตะไว้ได้แน่นอน ดูท่าแล้วเจ้าตัวเองก็เหมือนจะอยากออกจากประเทศฝรั่งเศส ที่ดูเหมือนจะเล็กเกินไปสำหรับเค้าด้วย หากคิดจะขึ้ไปถึงระดับคว้าบัลลงดอร์ได้ ก็คงต้องออกไปเล่นลาลีก้าเท่านั้นเอง

เฟดเดอริก ยุงเบิร์ก กับโอกาสครั้งสำคัญ

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวที่แฟนบอลติดตามกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมของอาร์เซนอลจาก อูไน เอเมรี่ ออกไปด้วยเหตุผลทางด้านฟุตบอล ต่อมาพวกเค้าเลือกที่จะดันมือขวาของทีมอย่าง เฟดเดอริก ยุงเบิร์ก ขึ้นมาทำหน้าที่แทนชั่วคราว แน่นอนว่านี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญของเจ้าตัวเลยทีเดียว
เลือดปืนเข้มข้นกว่าใคร
อย่างแรกที่บอร์ดเลือกใช้วิธีนี้ ต้องบอกว่าพวกเค้าเลือกที่จะดันคนสโมสรอย่างเต็มตัว เหมือนกันคราวของ กิ๊กส์ กับ โซลชาร์ ของแมนยู ที่ทำแบบนี้เพราะว่า ยุงเบิร์ก ถือว่าเป็นนักเตะก้นกุฏิของสโมสรอาร์เซนอลเหมือนกัน ช่วงสมัยเป็นนักเตะเค้าประสบความสำเร็จกับอาร์เซนอลมาอย่างยาวนาน นั่นทำให้เค้ามีบารมีมากพอจะคุมนักเตะให้กลับมาอยู่เส้นทางที่ควรจะเป็นได้ เรียกว่าใช้ใจนำมาก่อนนักเตะนั่นเอง
แท็คติคดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
กรณีของยุงเบิร์ก จะคล้ายกับของกิ๊กส์ ช่วงคุมชั่วคราวให้แมนยูเลยตรงที่ว่า ทั้งคู่มีประสบการณ์การคุมทีมน้อยมาก แต่การได้ลงมาคุมทีมใหญ่แบบนี้ได้ถือว่าเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆแล้ว เรื่องแท็คติคนี่แหละสำคัญ ตัวยุงเบิร์ก จะใช้แท็คติคอะไรลงมาเพื่อจัดการผลการแข่งขันในสนามตรงนี้น่าสนใจทีเดียว อย่างไรก็ตามส่วนตัวเชื่อว่า ลุงเบิร์ก น่าจะใช้แท็คติคอะไรที่เราคุ้นเคยความเป็นอาร์เซนอลกลับมาให้เราได้เห็นกัน
รู้จักนักเตะดีกว่าที่คิด
โอกาสสำคัญครั้งนี้ ทำไมบอร์ดถึงเลือกยุงเบิร์ก คำตอบก็คือ เค้าเป็นคนที่คลุกคลีกับนักเตะชุดนี้มานานกว่าครึ่งปี ทำให้เค้ารู้ไส้รู้พุงนักเตะเหล่านี้ดี รู้ว่าใครถนัดอะไร เล่นอะไร ไม่ถนัดอะไร การดึงเข้าขึ้นมาทำทีมก็ดีตรงที่ว่าเค้าไม่ต้องทำความรู้จักนักเตะอีก ข้อดีก็คือเค้าอาจจะมีวิธีการบางอย่างที่รีดศักยภาพนักเตะที่รู้จักดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นมาอีกก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามแฟนปืนที่เคยติดตาม ยุงเบิร์ก มาก่อนตอนเป็นนักเตะ ตอนนี้ต้องมาส่งกำลังใจกันหน่อยแล้ว

“ราดาเมล ฟัลเกา” เสนอตัวอยากเล่นให้กับ “ราชันชุดขาว”


สำนักข่าว มาร์ก้า สื่อชื่อดังของประเทศสเปน รายงานข่าวว่า “ราดาเมล ฟัลเกา” กองหน้าทีมชาติโคลอมเบีย ของ โมนาโก เสนอตัวเองให้ ราชันชุดขาว – เรอัล มาดริด
สำหรับพิจรณาเรื่องการย้ายทีมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองเดือนมกราคมนี้

เป็นที่เชื่อกันว่า หัวหอกวัย 32 ปี เริ่มจะไม่มีความสุขกับ โมนาโก ที่กำลังดิ้นรนหนีโซนท้ายตารางอยู่ในช่วงต้นฤดูกาลนี้ โดยหวังกลับไปเล่นในลา ลีกา สเปน อีกครั้ง
และไม่มีความสุขมากนักหลังจากที่ไม่มีตำแหน่งตัวจริงในทีมฟุตบอลโมนาโก นับตั้งแต่ เธียร์รี อองรี ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นกุนซือคนใหม่ และอาจจะย้ายกลับไปเล่นในสเปน
หลังเคยประสบความสำเร็จกับ แอตเลติโก มาดริด มาแล้วในอดีต

ฟัลเกา ยังเหลือสัญญากับ โมนาโก จนถึงปี 2020 และหวังว่าต้นสังกัดในลีก เอิง ฝรั่งเศส จะยอมปล่อยตัวในราคาถูก ๆ เมื่อตลาดเปิดขึ้นอีกครั้งต้นปีหน้า หลังอยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่ปี 2013 โดยระหว่างนั้นย้ายไปล้มเหลวในพรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี แบบยืมตัว

สำหรับ ฟัลเกา เคยอยู่ในช่วงพีคสุด สมัยยิง 72 ประตูจาก 87 นัดกับ เอฟซี ปอร์โต้ ก่อนย้ายมาร่วมทีม แอต.มาดริด ในปี 2011 และยิง 70 ประตูจาก 91 นัดตลอด 2 ฤดูกาลในกรุงมาดริด
ทั้งนี้ ฟัลเกา ยังเหลือสัญญากับ โมนาโก อีก 18 เดือน ทว่าหากสถานการณ์ของเขากับโมนาโกยังไม่ดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่ “เอล ติเกร” จะย้ายกลับไปเล่นในนครหลวงของสเปนอีกครั้ง

ฟัลเกา ร้อนแรงที่สุดในช่วงฤดูกาล 2011/12 ถึง 2012/13 กับ แอตฯ มาดริด โดย “เอล ติเกร” ถูกยกย่องให้เป็นหัวหอกที่มีส่วนผสมของสมัยใหม่และสมัยเก่าที่ลงตัวที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น
แผนการเล่นแบบ ฟอลส์ ไนน์ กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ ฟัลเกา เป็นกองหน้าเบอร์ 9 ขนานแท้ที่เก่งกาจติดอันดับต้นๆของโลก โดยมีหลายคนเปรียบเขากับยอดดาวยิงในอดีตอย่าง
โรนัลโด้, อลัน เชียร์เรอร์ หรือ กาเบรียล บาติสตูต้า เลยทีเดียว

ฟัลเกา ยิงประตูได้ทุกรูปแบบในทุกระยะทั้งยังสามารถเลี้ยงตัดเข้ามายิงได้เหมือนพวกกองหน้ากึ่งปีกอีกด้วย นอกจากนี้อดีตดาวเตะปอร์โต้ ยังครองบอล พร้อมกับมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก ๆ
โดยตลอดสองปีดังกล่าว ฟัลเกา ยิงไปถึง 70 ประตูในทุกรายการ พร้อมกับฝากความทรงจำด้วยการฉลองหลังทำประตูได้ด้วยท่าราวกับว่า ตัวเขายิงได้ในรอบชิงฯฟุตบอลโลก

เอ็มบั๊ปเป้ สุดเจ๋งสร้างสถิติดซัด 4 ประตูในเกมเดียว

อ็อปต้า สื่อฟุตบอลออนไลน์แนวบันทึกสถิติ ระบุว่า คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ นักเตะชื่อดัง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยสุดในรอบ 45 ฤดูกาลที่ผ่านมา
ที่ยิงระรัวในเกมระดับ ลีก เอิง ได้ถึง 4 ลูกต่อนัด โดยเจ้าตัวเผยอย่างถ่อมตัวว่า เพื่อนร่วมทีมมีส่วนคอยช่วยสนับสนุนจนทำให้ยิงได้สำเร็จหลายลูก

คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าดาวรุ่งของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในรอบ 45 ฤดูกาลหลังสุดที่ทำประตูได้ถึง 4 ลูกต่อ 1 นัดในเกมระดับ ลีก เอิง ฝรั่งเศส
ด้วยวัยทีนเพียง 19 ปี กับอีก 9 เดือนของเขา หลังจากที่เอ็มบั๊ปเป้ช่วยให้ทีมเปิดรัง ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เอาชนะแบบขาดลอย โอลิมปิก ลียง ด้วยสกอร์ 5-0 เมื่อที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตามรายงานของ อ็อปต้า สื่อชื่อดัง

ในนัดดังกล่าว เอ็มบั๊ปเป้ ยิงรัวทีเดียวได้ 4 ลูกในช่วงครึ่งหลัง ส่งผลให้เขาทำประตูในลีกประจำฤดูกาลนี้รวมแล้ว 8 ลูก จึงทำให้ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส ได้ขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกทันทีร่วมกับ เนย์มาร์ ดาวยิงเพื่อนร่วมทีม
ทั้งนี้ เอ็มบั๊ปเป้ ยังให้เครดิตกับเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วยที่ช่วยให้ตนทำประตูได้มากขนาดนี้

“เพื่อนร่วมทีมช่วยผมเยอะมาก คืนนี้ผมไม่เคยมีข้อกังขาเลยเกี่ยวกับเรื่องทำประตู เพราะสำหรับกองหน้าแล้วน่ะ ทุกอย่างมันจะโอเคราบรื่นได้ ตราบใดที่ยังมีคนสร้างโอกาสทำประตูให้เรื่อย ๆ
ผมรู้ดีว่าถ้าผมได้ทำสิ่งที่เหมาะสมนี้แล้ว ลูกบอลมันก็จะกลับมาเอง และเพื่อนร่วมทีมก็จ่ายบอลสวย ๆ ให้ผมเยอะมาก และนั่นเป็นก็สาเหตุที่ทำให้ผมยิงได้หลายประตูในคืนนี้”